เที่ยวไปกินไปในปารีสตอนที่ 1
Paris in autumn I – เที่ยวไปกินไปในปารีสตอนที่ 1
ยังอยู่ในทริป Autumn in France อยู่นะคะคลิกดูแผนเที่ยวโดยรวมและรีวิวตอนก่อนๆได้ที่นี่ หลังจากแวะเที่ยวเมืองSemur-en-Auxoix สุดน่ารักแล้วเราก็ขับรถตรงดิ่งไปสนามบิน CDG เพื่อเอารถไปคืน ด้วยระยะทางประมาณ 250 กม เราใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง ที่ช้าเพราะช่วงใกล้ถึงปารีสรถเยอะรถแน่นและรถติดนั่นเองแต่เราก็ขับกันสบายๆ ถึงดึกหน่อยก็ไม่เป็นไร พอถึงสนามบินเราก็งงๆกับการหาป้ายช่องคืนรถกันเบาๆต้องขับวนถึง 2 รอบ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี หลังจากคืนรถแล้วเราไปทำบัตร Navigo pass ซึ่งเป็น week pass ที่เราคำนวณแล้วว่าคุ้มสุดๆ เพราะสามารถใช้ได้ทั้ง Metro & RER ในโซน 1-5 รวมรถไฟไปกลับสนามบินด้วยราคา 22 ยูโร (บวกค่าบัตรอีก 5 ยูโร)แค่นี้ก็คุ้มแล้ว สำหรับรายละเอียดการใช้เข้าไปอ่านได้ที่ ชนิดของตั๋วรถไฟในปารีส หลังจากเช็คอินโรงแรม Hotel Agora โรงแรมทำเลดีเริดใจกลางเมืองปารีสเราก็เตรียมตะลุยเที่ยวปารีสกันเลย ^_^
ปารีสเป็นเมืองที่นอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวหน้าสนใจหลายแห่งแล้วยังเป็นสวรรค์ของนักกินด้วยค่ะ ไม่ว่าอาหารคาวหรือขนมหวานมีให้เลือกมากมายทั้งร้านอาหารมิชลิน ร้านขนมหวานของเชฟดังๆอยู่เมืองนี้ (ถูกจริตหนึ่งมาก อิอิ) นี่ยังไม่กล่าวถึงช้อปปิ้งนะคะ ปารีสจึงเป็นเมืองที่หนึ่งมาได้ไม่เบื่อ จริงๆแล้วนี่เป็นการมาปารีสครั้งที่ 3 ของหนึ่งแต่เนื่องจากมีสมาชิกในกรุ้ปที่ยังไม่เคยมา หนึ่งเลยยอมเที่ยวซ้ำบางจุดและพยายามจัดตารางเที่ยวให้ได้ครบทั้งเที่ยวและกินโดยจะเที่ยวและกินเป็นโซน แผนเที่ยวตามนี้เลยค่า
เริ่มวันด้วยอาหารเช้ามื้อสำคัญที่ Café Montorgueil ร้านอาหารใกล้โรงแรมที่มาปารีสต้องมากินทุกครั้ง (ติดใจอะไรขนาดนั้น) ร้านนี้อยู่บนถนน Montorgueil หรือ Rue Montorgueil ถนนคนเดินที่เป็น Street food และชาวปารีเชียงนิยมมากัน ร้านเป็น casual dining เปิดตั้งแต่เช้าตรู่และปิดตีสอง แบบว่าฝากท้องไว้ได้เลยแต่เราทานแต่อาหารเช้าไม่เคยกินมื้ออื่น จริงๆบนถนนเส้นนี้มีร้านอาหารที่บริการอาหารเช้าเยอะมาก ไม่นับร้านกาแฟ ร้านขนม ซุปเปอร์มาเก็ต ของกินเยอะมาก แต่หนึ่งชอบมากินอาหารเช้าร้านนี้เพราะติดใจบรรยากาศ รสชาติอาหารและการบริการของพนักงาน อ่านรีวิวละเอียดของร้านนี้ได้ ที่นี่
อิ่มคาวแล้วต้องตามด้วยขนมหวานกันต่อ อิอิ “Fou de Patisserie Boutique” ที่อยู่ใกล้ๆ กันกับร้าน Cafe Montorguiel ร้านนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเพราะรวบรวมเอาขนมเด็ดๆของเชฟดังๆ ทั่วปารีสมาไว้ในร้านเดียว! ไม่ว่าจะเป็น Pierre Hermé, Chistophe Adma, Hugo & Victor และอื่นๆอีกมากมายชนิดที่ว่าจิ้มขนมมาซักอย่างเถอะ อร่อยแน่นอนที่สำคัญไม่ต้องเสียเวลาตามหาร้านทั่วปารีส อ่านรีวิวแบบละเอียดได้ ที่นี่
อิ่มทั้งคาวและหวานแล้วเที่ยวได้ ^_^ กว่าจะได้เที่ยวก็เกือบเที่ยงแล้ว หนึ่งเที่ยวตามแผนที่วางไว้ไปแบบยาวๆ ตามนี้เลยค่ะ (ปล มีร้าน Angelina ที่ไปไม่ทันต้องยกยอดไปวันรุ่งขึ้น)
Royal Palias หรือ”พระราชวังหลวง”
การเดินทาง Palais Royal – Musée du Louvre station
Royal Palias อยู่ตรงข้ามปีกเหนือของลูฟสามารถเดินถึงกันได้แค่ข้ามถนน สร้างในศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันตั้งของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแห่งฝรั่งเศสและกระทรวงวัฒนธรรม แต่จุดที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่คือ “Colonnes de Buren” แปลเป็นไทยประมาณ “เสาของบูรอง” เป็นเสาลายขาวดำสูงบ้าง เตี้ยบ้าง บนลานกว้างที่เดิมเคยเป็นที่จอดรถ เป็นผลงานศิลปะของคุณ Daniel Buren ศิลปินชาวฝรั่งเศส อาจจะดูแปลกๆที่มีเสาลักษณะแบบนี้อยู่ในสถานที่ประวัติศาสตร์แบบนี้แต่มันก็สนุกดีค่ะ มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปกับเสาเหล่านี้และดูจะชอบกันด้วยโดยเฉพาะเด็กๆ ปีนป่ายกันใหญ่ ป้าก็ไปปีนกับเค้าเหมือน คิๆ
สนุกกับเสาของบูรองพอแล้วมา(window)shopping กันต่อค่ะเรามาเดิน Valois galleries อยู่ติดสวนฝั่งทิสตะวันออกมีร้านหรูหลายร้านที่คุ้นหูบ้างไม่คุ้นบ้างแต่ดูแพงสมกับอยู่ในราชวังหลวงเลยค่า ร้านในปารีส(จริงๆน่าจะทั้งประเทศ)จะบอกราคาของที่โชว์ตู้กระจกเลยว่าราคาเท่าไหร่ ให้เห็นกันจะๆตั้งแต่นอกร้านกันไปเลย
Galerie Vivienne
อยู่ใกล้กับ Valois galleries เดินทะลุถนนมาแป้บเดียวถึง Galerie Vivienne เป็น covered passage(แหล่งช้อปปิ้งของปารีเชียงในยุคศตวรรษที่ 19 มักจะอยู่ระหว่างตึกสองตึกและเชื่อมถนน 2 เส้น เพดานมักเป็นกระจกและตกแต่งอย่างสวยงาม) ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและนักท่องเที่ยวนิยมมา พื้นโมเสคสีสันสวยงาม หลังคากระจกโปร่งและอัดแนนไปด้วยมีร้านค้า ร้านอาหารและร้านขายหนังสือเก่า passageนี้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน ดูสงบเหมาะที่จะมาเดินชิลๆ
ทางเข้า
เข้ามาด้านในเป็นแบบนี้
Passage panoramas
เป็น covered passage แห่งแรกของปารีส สร้างในศตวรรษที่ 18 เลยได้รับตำแหน่ง passage ที่เก่าแก่ที่สุดไปด้วย passage แห่งนี้ไม่ได้สวยเวอร์วังแต่หนึ่งรู้สึกชอบบรรยากาศและควาทดิมๆ ระยะแค่ 133 เมตรแต่อัดแน่นไปด้วยร้านรวงต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารและมีลูกค้าแน่นเสียด้วย มีแต่คนปารีเซียงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว มันดูมีชีวิตชีวามากรู้สึกเหมือนได้เห็นปารีสในอีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่แค่ลูฟ ไอเฟล และประตูชัย หนึ่งเล็งร้านอาหารไว้หลายร้าน บับว่าน่ากินทุกร้าน แต่ไม่ได้กินเพราะเรามีร้านอาหารที่ต้องไปกินในแผนแล้ว (แอบเสียดาย)
ร้านนี้อาหารเซ็ท 3 จานแค่ 9 ยูโร ราคาน่ารักมากกก อาหารออกแนวแขกๆ อาระเบียประมาณนั้นดูจากการแต่งร้าน
หน้าร้าน Stern Caffe เป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ตกแต่งได้เท่ห์มาก ชอบๆ
Opera Ganier/Lindt Store Paris – Opera
ทำไมมี 2 ชื่อ เหตุเพราะเราแบ่งกันเป็นสองทีม ทีม A เที่ยว Opera Ganier ส่วนทีม B (คือทีมหนึ่งเอง) เดินเที่ยวรอทีม A เพราะเคยไปโรงละครโอเปราแล้ว หนึ่งเลือกมานั่งรอที่ร้าน Lindt ซึ่งอยู่ใกล้ๆยูนิโคลตามแผนที่ด้านล่างเลย
การเดินทาง จาก Passage de Panoramas เรานั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Opera เพื่อให้เพื่อนในกรุ้ป A แยกไปเที่ยว Opera Gar nier โรงละครโอเปราอันสวยงามของปารีส หนึ่งเคยเที่ยวที่นี่และรีวิวอย่างละเอียดไปแล้ว คลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่
ระหว่างที่รอหนึ่งเดินมาร้าน Lindt ร้านช็อกโกแลตที่เราน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อยู่ใกล้ๆโรงละครและห้าง Gallerie Lafayette ก่อนถึงร้านยูนิโคลตามแผนที่เลยค่ะ จริงๆหนึ่งไม่ได้โปรดปรานช็อกโกแลตยี่ห้อนี้มากแต่ตั้งใจมาเดินฆ่าเวลารอเพื่อน
ร้านใหญ่โตมาก น่าจะ 3 ห้องแถวติดกันได้ เนื่องจากอยู่ในทำเลฮอตฮิตของนักท่องเทียวร้านนี้เลยลูกค้าแน่น (ส่วนใหญ่มีแต่เอเชีย เยอะสุดคงเป็นพี่จีนนั่นเอง)มีพนักงานแจกลูกอมรสช็อกโกแลตหน้าร้านด้วย ในร้านร้านแบ่งเป็นสองส่วนคือส่วนที่ขายผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลต มีตั้งแต่ลูกอม ไปจนถึงชอกโกแลตบาร์ แพคเกจแบบธรรมดาไปจนวิ้งๆใครชอบนี่คงตกหลุมรักเลย ส่วนอีกด้านเป็นโซนขนมและเครื่องดื่ม แน่นอนว่าขนมส่วนใหญ่ทำจากชอกโกแลตของเค้านั่นเองแต่ก็มีขนมอื่นๆเช่นมากาฮง นอกจากนี้มีไอศครีมและกาแฟด้วย ด้านหลังร้านเป็นโต๊ะนั่งกินแบบง่ายๆ ซื้อหน้าร้าน จ่ายเงินแล้วมานั่งกินประมาณกึ่งบริการตัวเอง
หลังจากสแกนดูขนมแล้วตัดสินใจชิมไอศครีมสั่งมาสองสคูป แต่รสชาติแอบผิดหวังนิดๆ จริงๆก็รสชาติพอได้เพียงแต่มีร้านอื่นในปารีสที่ทำไอติมได้อร่อยกว่านี้…ซื้อมาแล้วก็ต้องกินไป มันแพง! จบ 5555
Galleria Lafayette
เป็นห้างยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวชอบมากันอยู่ใกล้ Opera Garnier แบบเดินไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงแล้ว จริงๆหนึ่งไม่ได้ชอบห้างนี้นักเพราะคนเยอะจนปวดหัวและล้วนเป็นนักท่องเที่ยวทั้งนั้น แต่ห้างนี้ก็น่าเข้าไปชมความงาม(แบบเร็วๆ) เช็คอินเก๋ๆ ห้างมีหลายอาคารบนถนน Boulevard Haussmann โดยแบ่งชัดเจนว่าเป็น ตึกอาหาร (gourmet ) department store และ main store อยู่ใกล้ๆกันตามแผนที่ด้านบนเลยค่ะ
เดินเข้ามาใน main store เก็บภาพงานๆของห้างด้านในกันค่ะ สวยงามตระการตาเลยทีเดียว
**แถวนี้นักท่องเที่ยวเยอะมากกกก และนักล้วงกระเป๋าก็เยอะมากเช่นกัน ระวังกระเป๋าให้ดีนะคะ**
Arc de Triomphe
อีกหนึ่งสถานที่สุดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมมา มารอบสองพาเพื่อนมาโฉบถ่ายรูปเช็คอินเบาๆ เพื่อนบอกขอแค่ถ่ายรูปว่ามาถึงแล้วก็พอ ไม่ต้องขึ้นไปด้านบน จัดไปค่ะ แต่หนึ่งเคยรีวิวประตูชัยและวิวด้านบนไว้ที่นี่ ขอเอารูปมาลงบางส่วน ถ้ามีเวลาพอ การขึ้นมาชมพระอาทิตย์ตกบนประตูชัยก็สวยงามโรแมนติกไม่เบาเลยค่ะ
Eiffel Tower & Champ de mars
มาปารีสถ้ายังไม่มาเช็คอินหอไอเฟลก็เหมือนมาไม่ถึงจริงไหมคะ ;)แม้จะมาครั้งที่ 2 แล้วแต่ไอเฟลก็ยังสวยตระกานตาและนักท่องเที่ยวเยอะๆๆ เช่นเคย เนื่องจากเรามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี สวนใกล้ๆหอไอเฟลพร้อมใจกันเปลี่ยนสีดูสวยงามโรแมนติกจัง ^_^
Pont Alexandre III
มีอะไรน่าสนใจที่ Pont Alexandre III เป็นสะพานที่เชื่อมฝั่งทางChamps-Élysées และ Invalides & Eiffel Tower เป็นสะพานที่ตกแต่งประดับประดาสวยงามและเวอร์วังสุดในปารีส จากสะพานนี้มองเห็นไอเฟลด้วย
การเดินทางด้วยรถไฟ RER-A ลง Champs-Elysées- Clemenceau station หรือ metro ลง Invalides station (หนึ่งเดินจาก Champ de mars ไปขึ้นรถไฟใต้ดินที่l5kou École Militaire เพื่อไปลงสถานี Invalides)
Place de la Concorde/Champs-Élysées
เป็นจตุรัสที่ทุกคนที่ไปปารีสเคยไปหรือเห็นผ่านตาเพราะอยู่สุดถนน Champs-Élysées ฝั่งตรงข้ามกับ Arc de Triomphe หรือประตูชัยแบบมองเห็นกันได้นั่นเอง ถ้าเดินจากสะพาน Alexandre III ตรงมาเรื่อยๆก็ถึง Place de la Concorde เป็นจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดของปารีส มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจคือเป็นสถานที่ที่ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศสและพระนางมารี อองตัวแนตถูกประหารด้วยกิโยตีน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิสก์ (Obelisk) ที่ส่งตรงมาจากอียิปต์ในศตวรรษที่ 19 และมีน้ำพุที่หน้าตาเหมือนกันขนาบข้างอยู่ บางช่วงด้านหลังของจตุรัสมีชิงช้าสวรรค์ที่เปิดให้บริการช่วงค่ำเพิ่มแสงสีให้บริเวณนี้ด้วย แม้จะไม่ได้เป็นสถานที่ที่เป็นแม่เหล็กหลักแต่หนึ่งว่า Place de la Concorde ยามค่ำคืนมีเสน่ห์และมีสีสันดีนะคะ จากจุดนี้สามารถมองเห็นตึกใจและหอไอเฟลแบบเฉียงๆด้วย
Maison Le da Truffe
ปิดท้ายวันด้วยร้านอาหารที่หนึ่งหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องมาลอง “Maison Le da Truffe” ถ้าแปลเป็นไทยก็ประมาณ “บ้านเห็ดทรัฟเฟิล” เป็นร้านอาหารที่ทุกเมนูจะมีส่วนผสมของเห็ดทรัฟเฟิล หนึ่งสาวกทรัฟเฟิลเลยไม่อยากพลาด อ่านรีวิวอย่างละเอียดได้ที่นี่
Louvre Museum
ปิดท้ายวัน(อันยาวนาน) ด้วยการแวะถ่ายรูปที่ลูฟซึ่งจริงๆก็อยู่ไม่ไกลจากร้าน Maison Le da Truffe มากนัก หนึ่งว่าลูฟยามค่ำคืนดูมีเสน่ห์มากๆ จริงไหมคะ หนึ่งเคยรีวิวลูฟแบบละเอียดไปแล้ว คลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่
จบวันการเดินเที่ยววันแรกด้วยความประทับใจ ^_^ วันนี้เดินเยอะมาก แต่ก็อิ่มและสนุก ทริปเที่ยวและกินของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ ตามไปเที่ยวไป กินไปในปารีสตอนที่ 2 ของพวกเราได้ ที่นี่ ขอบอกว่าเป็นวันของการกินและช้อปจริงๆค่า
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
FUFY
August 4, 2017Missing Paris!