อยากชิมอาหารร้านอาหารดาวมิชลินทำอย่างไร
อยากชิมอาหารร้านอาหารดาวมิชลินทำอย่างไร อยากไปสำผัสรสชาติและบรรยากาศร้านอาหารดาวมิชลินบ้าง
รู้จักกันไปแล้วว่าร้านอาหารดาวมิชลินคืออะไร มีคุณค่าแค่ไหน น่าเชื่อถือยัยไง ใครอยากลองไปชิมเหมือนหนึ่งบ้างยกมือขึ้นค่ะ ^_^
หนึ่งเองไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านอาหารหรือมีเงินมากมาย แต่เราก็สามารถไปชิมร้านอาหารติดดาวมิชลินได้และไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย เพียงแต่อาจจะต้องมีการวางแผนเตรียมการ จัดสรรเรื่องเวลาและงบที่เรามีให้ลงตัว ส่วนตัวถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง เราไม่ได้เพียงแค่รับรสของอาหารเท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสถึงความพิถีพิถันของเชฟ ความคิดสร้างสรรค์ในการทำแต่ละเมนูขึ้นมา ความสวยงามในการจัดจาน ส่วนเรื่องความอร่อยนั้น คงเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลไปนะคะ ^_^ มันเหมือนการเสพงานศิลปะอย่างหนึ่งที่กระตุ้นรสสัมผัสหลายระบบ ทั้งตาที่เห็น จมูกที่ได้กลิ่น ได้รสเมื่อได้หม่ำด้วย
อยากชิมร้านอาหารดาวมิชลินจะเริ่มตรงไหน
ร้านอาหารดาวมิชลินจะมีอยู่ในบางประเทศที่มิลชินทำ “มิชลินไกด์” เท่านั้นซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป มีนอกยุโรปแค่นิวยอร์ค ฮองกง&มาเก๊า และโตเกียวเท่านั้น แต่เราไม่จำเป็นต้องซื้อไกด์เล่มนี้ก็สามารถเช็คได้ว่าประเทศหรือเมืองที่เราไปเที่ยวมีร้านอาหารดาวมิชลินหรือไม่ โดยเข้าไปเช็คที่เวบไซต์ http://www.viamichelin.com/ ได้เลย สะดวกและดี๊ดี ^_^
เวบไซต์นี้เป็นเหมือน route planner สำหรับใครที่อยากขับรถท่องเที่ยว (ในเส้นทางที่เค้าทำคู่มือแนะนำนะคะ) จะมีข้อมูลหลายๆที่จำเป็นได้แก่
1. เส้นทางการขับรถ (มีหลายออพชัน)
2. คำนวณระยะทางในการขับรถและค่าใช้จ่าย (ค่าน้ำมัน & ค่าทางด่วน)
3. ปั๊มน้ำมัน จุดจอดรถ
4. สถานที่ท่องเที่ยวในเส้นทาง
5. โรงแรมใกล้ๆเส้นทาง
6. ร้านอาหาร
7. สภาพอากาศ
แต่เราไม่จำเป็นต้องขับรถเที่ยวก็ได้ เราสามารถเลือกเข้าไปดู ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว หรือสภาพอากาศในเมืองที่เราต้องการไปเที่ยวได้เลย ระบุสถานที่ในกล่องซ้ายมือแล้วคลิกเลือกกล่องสีชมพูด้านขวา
เราอยากชิมร้านอาหารดาวมิชลิน ก็เข้าเลือกเมนูร้านอาหาร(restaurant)ได้เลย จากนั้นใส่ ที่อยู่ ชื่อเมือง ชื่อประเทศ หรือ รหัสไปรษณีย์ในช่วงซ้ายมือสุด จากนั้นคลิกปุ่ม “search” ที่เป็นเครื่องหมายแว่นขยายข้างๆ จะมีลิสท์ชื่อร้านอาหารที่มิชลินแนะนำขึ้นมาเพียบ เราสามารถเลือกรายละเอียดโดยดูจากกล่องเล็กๆ ซ้ายมือล่างข้อมูลเสิร์ช หรืออยากดูแบบกว้างๆบนแผนที่ในกล่องด้านขวามือได้โดยถ้าอยากดูรายละเอียดร้านไหนสามารถคลิกเข้าไปดูได้ ร้านอาหารที่อยู่ในไกด์ของมิชลินมี 3 แบบนะคะเราสามารถแยกร้านแต่ละแบบโดยดูสัญลักษณ์ท้ายชื่อร้าน คือ
1. Michelin selection (รูปจานและช้อนส้อม)
2. Bib กูร์มอง(Bib Gourmand; มีรูปหน้าของสัญลักษณ์มิชลิน)
3. Michelin Star (รูปดาว)
รายละเอียดว่าร้านอาหารแนะนำในแต่ละแบบเป็นยังไง คลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่
เราสามารถหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับร้านอาหารทั้ง ชื่อร้าน แผนที่ ราคาอาหาร รูปภาพประกอบ คอมเมนต์ของผู้ตรวจสอบ เวลาเปิดปิด ต้องจองล่วงหน้าหรือไม่ ร้านอาหารแนะนำใกล้เคียง หนึ่งขอยกตัวอย่างการหารร้านอาหารในปารีสเขตหนึ่ง(รหัส 75001)
เข้าไปในเวบไซต์แล้วคลิก “Restaurant”
ใส่พื้นที่ที่เราต้องการหา จริงๆสามารถบอกชื่อเมือง ชื่อเขตหรือชื่อถนนก็ได้แล้วแต่เราอยากหาแบบกว้างๆหรือเฉพาะเจาะจง
หนึ่งลองหาแบบกว้าง หาร้านในเขต 1 ของปารีสซึ่งใช้รหัสไปรษณีย์ 75001 แล้วกดปุ่มหา
ขึ้นมาเพียบเลยค่ะ อยากดูแบบรายละเอียดคร่าวๆในกล่องซ้ายมือด้านล่าง (โปรดสังเกตว่าท้ายชื่อร้านอาหารจะมีสัญลักษณ์บอกว่าเป็นร้านแนะนำแบบไหน) หรือจะดูแบบแผนที่ทางขวามือก็ได้
ลองเข้าไปดูรายละเอียดของร้านที่เราสนใจซึ่งจะมีข้อมูลทุกอย่างที่เราอยากได้ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เวลาเปิดปิด คอนเซปต์ของร้านอาหารว่าเป็นอาหารแนวไหน รูปภาพร้านหรืออาหาร เป็นร้านอาหารแนะนำแบบไหน (ในรูปเป็น Bib Gourmand ถ้าอยากชิมร้านดาวมิชลินก็เลือกร้านที่มีสัญลักษณ์ดาวมิลชินหลังชื่อร้าน) รวมทั้ง”ราคา” ด้วย ซึ่งจะทำให้เราสามารถเลือกร้านที่เราสามารถจ่ายได้ด้วย
ตอนท้ายจะมีร้านอาหารแนะนำอื่นใกล้ๆที่เราอาจสนใจด้วย พ่วงโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวมาด้วย เรียกได้ว่าครบเลย ^_^
เมื่อหาข้อมูลร้านอาหารและราคาแล้วก็วางแผนได้เลยว่าจะไปกินร้านไหน มีข้อแนะนำและเคล็บไม่ลับให้ตามด้านล่างเลย
เคล็ด(ไม่)ลับการกินร้านอาหารดาวมิชลินให้ถูก(ลง)
ร้านอาหารดาวมิชลินมักจะมีราคาที่สูง ราคาอาหารแต่ละร้านแตกต่างไปตามคอนเซปต์ร้าน แต่อย่ากลัวว่ามันจะแพงจนสุดเอื้อมไม่สามารถแตะต้องได้ ถ้าวางแผนดีๆราคาอาหารอาจจะพอๆกับกินอาหารบางร้านใน กทม เลยล่ะ หนึ่งมีเคล็ดในการชิมอาหารร้านดาวมิชลินให้ถูกลงมาฝากค่ะ
1. ตั้งงบประมาณและหาร้านอาหารที่เราจ่ายได้ ซึ่งก็หาได้ในเวบไซต์ข้างต้นนี่แหละ การเลือกว่าจะกินร้านกี่ดาวก็มีผลนะคะ ร้านสามดาวมักจะมีราคาที่สูงกว่า (แต่ไม่จำเป็นเสมอไปนะ ขึ้นอยู่กับคอนเซปต์ร้านด้วย) สรุปว่าดูราคาร้านอาหารที่เราสามารถจ่ายได้ไว้ก่อนหลายๆร้าน แล้วค่อยหารายละเอียดอื่นๆ เช่น เป็นร้านอาหารประเภทไหน เวลาเปิดปิดและสถานที่ของร้านเราสะดวกหรือไม่
2. เลือกไปกินมื้อเที่ยง ราคาอาหารมื้อเที่ยงจะถูกกว่าช่วงเย็นหรือดินเนอร์เยอะมากๆ อาจจะครึ่งต่อครึ่งหรือมากกว่าเลยทีเดียว แม้ว่าอาหารมื้อเที่ยงจะไม่อะลังวังเวอร์เหมือนมื้อเย็นแต่ราคาก็สุดคุ้ม ได้คุณภาพร้านดาวมิชลิน ยกตัวอย่างร้าน L’Atelier de Joël Robuchon – Étoile ปารีส ร้านอาหาร 1 ดาวที่หนึ่งไปชิมมา อาหารมื้อเที่ยงแบบเซ็ทเค้าราคาเริ่มต้นที่ 44 ยูโรในขณะที่มื้อเย็นราคาสูงถึง 175 ยูโร
3. เลือกอาหารแบบเซ็ท ในหนึ่งเซ็ทจะประกอบด้วย entree, main dish และ dessert ซึ่งจะเป็นเซ็ทที่ทางเชฟเลือกไว้ให้แล้วว่าแต่ละจานเป็นเมนูอะไร เราไม่สามารถเปลี่ยนได้หรือบางร้านอาจจะใจดีให้เปลี่ยนได้แต่ต้องเพิ่มเงินบางจำนวนซึ่งแล้วแต่ทางร้านจะกำหนด ยกตัวอย่างร้านเดิม L’Atelier de Joël Robuchon – Étoile ปารีส อาหารมื้อเที่ยงแบบเซ็ทเค้าราค 44 ยูโร เท่ากับว่าสามจานเฉลี่ยจานละ 14.4 ยูโร ซึ่งหนึ่งว่าราคาไม่เลวเลย แถมกินจนครบเซ็ทแล้วอิ่มมากจนหนึ่งไม่ต้องกินมื้อเย็นเลยค่ะ กินเที่ยงอิ่มควบสองมือเลนทีเดียวสำหรับสาวตัวเล็ก ^_^ อาหารแบบจานหรือ a la carte ราคาจะค่อนข้างสูงมาก แต่ถ้าใครอยากจะสั่งให้ประหยัดก็สามารถทำได้โดยการสั่ง entree หรือ main dish มากินจานเดียวเลย แต่ถ้าสั่งแบบนี้พนักงานที่ร้านอาจจะงงนิดๆเพราะปกติเค้าจะกินแบบต้องมี entree นำจานหลัก หนึ่งเคยสั่งแต่จานหลักมากินที่ร้านอาหารที่ Chamonix พนักงานก็งงนิดๆว่ายูไม่อยากได้ entree? หนึ่งก็ตอบไปว่าไม่ได้หิวมาก ซึ่งเค้าก็โอเคเพราะตอนนั้นไม่ค่อยหิวจริงๆ กินต่อกันรัวๆมากแต่ก็ยังอยากกิน อิอิ
3. เมินค่าใช้จ่ายแอบแฝงจากเครื่องดื่ม ในร้านอาหารดาวมิชลินมักมีไวน์ไว้คู่อาหารของเค้า บางร้านมีไวน์หลายชนิดมาก ไม่ใช่แค่ไวน์เครื่องดื่มต่างๆในร้านรวมทั้งน้ำเกลือแร่ราคาจะสูงลิบ ถ้าเผลอสั่งมาจะบวกค่าอาหารขึ้นไป ดีไม่ดีแพงกว่าราคาอาหาร อยากลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ง่ายนิดเดียวค่ะ สั่ง “tap water” ซึ่งก็คือน้ำประปานั่นเอง ไม่ต้องอายและไม่ต้องกังวลเพราะน้ำประปาที่ยุโรปส่วนใหญ่ดื่มได้ ที่รั่งเศสถ้าสั่ง tap water คือฟรีเลย ไม่คิดเงิน
ควรรู้ก่อนไปกินร้านอาหารดาวมิชลิน
ก่อนจะไปทานอาหารร้านอาหารดาวมิชลิน หนึ่งมีข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเผื่อเป็นไอเดียในการเตรียมตัวไปหม่ำๆ พอถึงเวลาจะได้ไม่ดูงงๆ จนเกินไป ^_^
1. หาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับร้าน:
เวลาเปิด ปิด เวลาในการเสิร์ฟ ร้านอาหารดาวมิชลินมักจะมีวันเปิดร้านแบบที่เราคาดไม่ถึง บางร้านอาจปิดเสาร์ อาทิตย์ หรือจันทร์ บางร้านปิดวันศุกร์ เวลาในการเสิร์ฟอาหาร มักจะเสิร์ฟอาหาร 2 ช่วงเวลาคือมื้อเที่ยง (11:30-3:00 และมื้อเย็น มักจะประมาณ 19:00 เป็นต้นไป
การจองล่วงหน้า ร้านดาวมิชลินทุกร้านโดยมารยาทแล้วควรจองล่วงหน้า และเพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมีโต๊ะแน่ๆเมื่อไปถึง บางร้านระบุเลยว่าต้องจองเท่านั้น
แล้วจะจองล่วงหน้าได้ที่ไหน ในเวบไซต์ของ Michelin ข้างต้นจะมีลิงค์ไปเวบไซต์ของร้านอาหารให้ เราสามารถตามเข้าไปจองโต๊ะออนไลน์ ร้านส่วนมากในเวบไซต์มีเวอร์ชันภาษาอังกฤษ การจองโต๊ะ เราสามารถจองล่วงหน้าได้นานเป็นเดือน แต่อย่าจองกระชั้นมาก การจองควรมีเวลาอย่างน้อยประมาณ 24 ชมให้ทางร้านบริหารจัดการเรื่องการคอนเฟิร์มซึ่งเราสามารถเลือกให้คอนเฟิร์มทางอีเมลได้ หนึ่งว่าจองก่อนล่วงหน้าก่อนซัก 2 วันดีที่สุดค่ะ เมื่อจองแล้วควรเช็คอีเมล์เป็นระยะ ดูว่าทางร้านคอนเฟิร์มการจองเราแล้วหรือยัง ไม่เช่นนั้นอาจหน้าแตกไปยืนหน้าร้าน แต่ไม่ได้โต๊ะ และควรไปให้ตรงเวลานะคะ
2. พยายามสังเกตข้อมูลเพิ่มเติมที่ให้ไว้ บางร้านที่เป็นทางการมากจะมีการระบุเรื่องการแต่งกาย แต่ถ้าไม่ระบุก็แต่งกายให้สุภาพ
3.เผื่อเวลาในการทานอาหาร ถ้ากินที่ฝรั่งเศสทำใจว่าไม่ต่ำกว่า 3 ชม และอาจนานกว่านี้ถ้าเป็นมื้อเย็น คนฝรั่งเศสจะชิลมากกก การเสิร์ฟอาหารเค้าไม่ได้รีบเสิร์ฟเหมือนการทานโต๊ะจีน และจะไม่มีการเร่งเวลาให้ลูกค้ารีบลุกจากโต๊ะ จะมีช่วงเวลาเว้นวรรคประมาณให้ลูกค้าเมาท์มอยกันและห้อาหารไปบ้างก่อน ดังนั้นถ้าใครอยากรีบกิน รีบไป ไม่แนะนำให้ไปทานนะคะ และด้วยเวลากินที่นานขนาดนี้ถ้าใครไปกินมื้อเที่ยงก็ทำใจไว้เลยว่า อาจจะต้องวางแผนที่เที่ยวอื่นๆให้ลงตัว เพราะกินอิ่ม สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่มีเวลาเปิด ปิดเร็วอาจจะปิดไปแล้ว…ทุกอย่างอยู่การวางแผนค่ะ
4.เมนูอาหาร หลายคนอาจจะกังวลใจ กลัวอ่านชื่ออาหาหารในเมนูไม่ออก กลัวคุณกับพนักงานไม่รู้เรื่อง อย่ากังวลค่ะ ในฝรั่งเศสร้านอาหารดาวมิชลินพนักงานมักจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีและมีเมนูอาหารภาษาอังกฤษ แต่บางร้านอาจจะไม่มีเมนูภาษาอังกฤษให้เรา (แม้พนักงานจะพูดภาษาอังกฤษได้) และถึงมีเมนูภาษาอังกฤษก็ใช่ว่าเราจะเข้าใจว่าชื่อเมนูยาวๆนั้นมันคืออะไร หน้าตาจะออกมาแบบไหน ดังนั้น ทำใจในการสั่งค่ะ ถ้าไม่มีไอเดียเลย ก็จิ้มๆ เมนูที่อยากลองแล้วสวดมนต์ให้เราชอบเมนูนั้น (พุทโธ ธัมโม สังโฆ)
5. สั่งอาหารอย่างไร สังเกตเมนูร้านอาจจะมีทั้งอาหารที่เป็น a la carte หรือเป็นเซ็ท (entree, main dish, dessert) โดยปกติแล้วอาหารที่เป็นเซ็ทมักจะราคาคุ้มค่ากว่า ยกเว้นว่าอยากกินแค่จานเดียวจริงๆ อาหารที่เป็นเซ็ท อาจจะมี 3 4 หรือ 5 จาน และอาจจะมีได้มากถึง 12 จาน มากมายได้ถึงขนาดนั้น เค้าเสิร์ฟอะไร? จริงๆแล้วหลักๆก็เหมือนกันคือมี entree, main dish และ dessert แต่บางร้านอาจจะแบ่งซอยให้แต่ละอย่างมีหลายจานมากขึ้น เช่น มี entree 4 จาน main dish 3 จาน ขนมหวานอีก 5 จาน เป็นการยกตัวอย่างแบบมั่วๆ อิอิ แต่ยิ่งมีหลายจาน ปริมาณอาหารต่อจานก็จะน้อยลง และราคาต่อเว็ทก็แพงขึ้น
6. ค่าอาหารไม่รวมค่าเครื่องดื่ม ค่าเครื่องดื่มเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นเมื่อบวกกับราคาอาหารและมักจะราคาสูง เตรียมใจจ่ายส่วนนี้ไว้หากต้องการสั่งเครื่องดื่มพิเศษเช่น ไวน์หรือแชมเปญ แต่ถ้าใครอยากประหยัด สั่ง “tap water” เลยค่ะ ที่ฝรั่งเศสฟรี
7. บิลลค่าอาหาร รวมค่าบริการแล้ว เมื่อบิลมาแล้ว ไม่ต้องสนใจตัวเลขอื่น ดูราคาเน็ทแล้วจ่ายเลย ค่าอาหารรวมค่าบริการและภาษีแล้ว ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเติม ใครที่อยากให้ทิปก็สามารถทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องให้ทิป
8. Enjoy! เมื่ออาหารมาก็เอนจอยเลยค่า อย่าคาดหวังความอร่อยในรสชาติแบบที่เราคุ้นเคย เพราะความอร่อยเป็นปัจเจกบุคคลมากๆ และอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่เราไม่คุ้นเคย ดังนั้นเอนจอยส่วนอื่นๆทั้งการคิดเมนู การจัดจาน องค์ประกอบอื่นๆ เพราะร้านอาหารดาวมิชลินไม่ได้การันตีว่าจะถูกปากทุกคนเสมอไป
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
FUFY
July 7, 2016ว่าแล้วก็ไปจัด L’Atelier อีกซักรอบไหม อิอิ