Croissant Hopping in Paris : ตระเวนกินครัวซองต์เจ้าดังใน 3 ชั่วโมง
 
หนึ่งชอบกินครัวซองต์มากค่ะ มาปารีสทุกครั้ง กินทุกครั้ง แต่ละครั้งก็หลากหลายเจ้าแต่ไม่เคยรีวิวแบบเฉพาะเจาะจงสักครั้ง ไม่ได้ไปปารีสนาน มารอบนี้ขอจัดครัวซองต์แบบเต็มแบบหลายร้านเทียบกันไปเลยชัดๆ ว่า ซื้อปุ้บกินปั้บแล้วมาดูว่าเจ้าไหนอร่อยเด็ดกว่ากัน ครัวซองต์ต้องกินตอนร้อนๆ หรืออุ่นๆ เพราะถ้าซื้อเก็บไว้กินวันรุ่งขึ้นหรือวันอื่นโดยไม่ได้อุ่นทั้งเนื้อขนมและรสชาติอาจจะดิ่งลงเหวไปเลยไม่ว่าจะเป็นของเจ้าดังแค่ไหน
 
ก่อนจะรีวิว ขอบอกแบคกราวน์และความชอบส่วนตัวเล็กน้อยนะคะ จะได้จะได้เข้าใจว่าทำไมแอบเทคะแนนให้บางเจ้ามากกว่า ส่วนตัวชอบครัวซองต์แบบนี้ค่ะ
 
1.มีความริช คือ มีเนยเยอะ แต่ในความริชต้องบาลานซ์มาดี ไม่ใช่เนยเยอะแล้วมันเยิ้ม เนื้อขนมยวบยาบไปหมด และแน่นอนว่าครัวซองต์เนื้อแห้งๆ เนยย้อยๆ ไม่ใช่แนวหนึ่ง
2.เปลือกขนมกรอบ แต่กรอบบางๆ ไม่ใช่กรอบแห้งๆ แบบหนาๆ งงไหมคะ ครัวซองต์ขึ้นฟูด้วยยีสต์ เนื้อขนมด้านในควรจะนุ่ม ส่วนเปลือกจะกรอบ มันควรมีความ contrast กันระหว่างเปลือกที่กรอบและเนื้อขนมที่นุ่มกว่า แต่หนึ่งชอบให้เปลือกเค้ากรอบแบบบางๆ delicate ไม่ต้องหนามาก แค่ให้ได้ความรู้สึกว่าเปลือกกรอบ ไม่ใช่เปลือกกรอบ หนา และแข็ง
3. เนื้อขนมนุ่ม ไม่เหนียวมากจนไม่อยากเคี้ยวต่อและไม่นุ่มจนเนื้อแทบจะเป็นเค้ก
4. รสขนมอร่อย ไม่หวานไป หรือเค็มไป กัดแล้วไม่มีรสใดรสหนึ่งโดดขึ้นมาทันทีแบบแหลมๆ
5. ความหอม ครัวซองต์ควรจะต้องหอม เพราะมีเนยและยีสต์ กลิ่นมาจากทั้งจากการหมักและจาก maillard reaction
6. ความรู้สึกเมื่ออยู่ในปาก รสชาติขนมและความรู้สึกขณะเคี้ยวดีและทำให้อยากกินต่อ
 
ปกติหนึ่งกินแต่เพลนครัวซองต์ ครัวซองต์รสต่างๆ หรือแบบมีไส้จะไม่ค่อยกิน ยกเว้นว่าดูน่าสนใจหรืออยากลอง และ croissant hopping รอบนี้ลองเฉพาะ plain croissant เท่านั้นนะคะ
 
FYI ข้อมูลอื่นๆ
 
1. วิธีเลือกร้าน หนึ่งเลือกร้านที่น่าสนใจหรือร้านที่มีคนพูดถึงใน IG หรือ internet ที่หนึ่งเสิร์ชเจอและระยะทางไม่ไกลจนเกินไป เดินทางด้วยเมโทรได้สะดวก เพราะหนึ่งมีเวลาจำกัด สรุปว่าเลือกมาทั้งหมด 4 ร้าน ตามลำดับคือ
 
– The French Bastards สาขา Saint Denis
– Cedric Grolet Opera
– Tout Autour de pain
– La Maison d’Isabelle
 
2. การเดินทาง หนึ่งเดินทางด้วย Metro ใช้เวลาทั้งหมด 3 ชม เริ่ม 8:00-11:00 น หนึ่งใช้ Navigo week pass ซึ่งคุ้มมากค่ะ (มีแบบเป็นเดือนด้วย ตอนซื้อบอกเค้าว่าเอาแบบ week pass ก็พอค่ะ ยกเว้นจะอยู่เป็นเดือน อิอิ) เป็นบัตรที่ใช้ขึ้น metro หรือระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆในสังกัดของ RATP ได้แบบไม่จำกัด เคยเขียนรีวิวเรื่องบัตรต่างๆ ไปแล้ว ตามไปอ่านรายละเอียดได้ที่นี่นะคะ เพิ่มเติมว่า หากไม่ได้ทำบัตรนี้ที่สนามบินสามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ที่สถานี Metro ใหญ่ๆ ได้เลย ง่ายและสะดวกมาก ที่สำคัญคุ้มสุดๆ แต่ควรนำรูปมาด้วยนะคะ นำมาใช้แปะหน้าบัตรเพื่อยืนยันว่าเป็นบัตรเรา รายละเอียดเคยรีวิวไว้ที่ ชนิดของตั๋วรถไฟในปารีส รีวิวไว้นานแล้ว ตอนนี้ค่าโดยสารขึ้นเป็น 1.9 ยูโรต่อเที่ยวแล้ว และ Navigo week pass ราคา 22.8 ยูโร (ทุกโซน) และค่าทำบัตรใหม่อีก 5 ยูโร หนึ่งถนัดการเดินทางด้วย metro มากกว่าการขนส่งแบบอื่น
 
3. ลำดับการเดินทางด้วย metro เริ่มที่ Châtelet ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ติดโรงแรม โดยเส้นทางดังนี้ (ตัวเลขที่ตามหลังชื่อสถานีเป็นชื่อสายนะคะ)

8:20 The French Bastards สาขา Saint Denis – Châtelet ขึ้นสาย 4 —> Réaumur–Sébastopol (เดินจากสถานีรถไฟไปร้าน 150 เมตร)

8:50 Cedric Grolet Opera – จาก สถานี Réaumur–Sébastopol ขึ้นสาย 3 ไปลงสถานี Opera เดินไปที่ร้าน 160 เมตร (ร้านเปิด 9:30 น)

10:00 Tout Autour du Pain – จากสถานี Opera ขึ้นสาย 3 ลงสถานี Replublique เดิน 400 เมตรไปที่ร้าน

10:20 La Maison d’Isabelle – จากสถานี Replublique ขึ้นสาย 3 กลับมาที่สถานี Réaumur–Sébastopol เปลี่ยนเป็นสาย 4 เพื่อไปลงสถานี Odeon เปลี่ยนสายเป็นสาย 10 ลงสถานี Maubert-Mutualité
 

มาเริ่มตระเวนกินครัวซองต์กันได้เลยค่ะ
 
The French Bastards สาขา Saint Denis
 
ชื่อร้านดูมีความรุนแรง ^_^ ร้านนี้เป็นร้านขนมของ young generation bakers หุ้นกัน 3 คนที่อยากทำขนมปังแบบ traditional ให้ดูสนุกขึ้น ร้านใช้แป้ง organic ด้วยค่ะ ตอน ได้ยินชื่อร้านปุ้บรับรู้ถึงความกบฎและความแตกต่าง มาถึงร้านก็ดูแตกต่าง ร้านตกแต่งสไตล์ Loft เปิดเพลงพังค์ๆ หน่อย มีมุมให้นั่งกินเล็กๆ ในร้าน และที่หน้าสนใจคือ ห้องครัวเค้าเป็นกระจก กินครัวซองต์ไป นั่งดูเชฟทำครัวซองต์ไป เก๋ๆ เพลินๆ ดีค่ะ
 

 

 
Plain croissant ราคา 1.3 ยูโร ขนาดใหญ่นะคะ เต็มมือ

Layer สวย ขนมกลิ่นดี เปลือกกรอบแบบบางๆตัดกับเนื้อขนมเหนียวนุ่มในระดับกำลังดีที่เมื่อเคี้ยวแล้วทั้งรสและกลิ่นขนมฟุ้งในปาก ขนมชิมครั้งแรกค่อนข้างจืด แต่มีรสเค็มเบาๆ ตอนท้ายที่รับกับรสหวานของแป้งหลังจากที่เราเคี้ยวไปสักพัก โดยรวมคืออร่อยค่ะ ราคาก็น่ารัก (ขออภัยที่รูปไม่ค่อยชัดนะคะ ลืมถ่ายรูปมาเลยไปแคปเจอร์มาจากคลิปที่ถ่ายไว้)

การเดินทาง M4 ลงสถานี Réaumur–Sébastopol
 
Cedric Grolet
 
เป็นร้านที่หมายมั่นเป็นมือมากว่าจะต้องมา เพราะหนึ่งตาม IG เชฟอยู่ และรูปขนมคือน่ากินมากจนอยากจะเอามือจก สำหรับ Cedric Grolet ตำแหน่ง Best pastry chef หลายปีติดต่อกัน เป็น executive pastry chef ประจำ Le Meurice โรงแรม 5 ดาวในปารีส (ตรงข้ามสวน Tuileries) ผลงานสร้างชื่อคือ ขนมรูปร่างผลไม้ที่เหมือนจริงมาก หนึ่งเคยรีวิวขนมเชฟแล้ว ที่นี่ เมื่อเชฟมาทำครัวซองต์ก็ไม่น่าจะธรรมดาแน่นอน ร้านที่ Opera จะมีโต๊ะให้นั่งกินอาหารด้วยนะคะ เป็นอาหารง่ายๆ มีครัวซองต์และขนมอื่นๆ แต่ไม่มีขนมผลไม้นะคะ ถ้าอยากชิมต้องไปร้านที่ รร Le Meurice
 

Plain croissant 4 ยูโร

ราคารุนแรงที่สุด แต่ก็เนอะ โปรไฟล์เอย งานขนมเอย และ…งานแพคเกจจิ้งอะลังการขนาดนี้ ราคาก็ต้องสูงตาม ก่อนจะไปรีวิวขนม ขอพูดถึงแพคเกจจิ้งของเค้าที่ดูไม่เหมือนใคร และดูก็รู้ว่า “แพง” ก่อนนะคะ ภายใต้โลโก้เรียบง่าย ถุงกระดาษสี Earth tone ถุงกระดาษหูหิ้วด้านในเป็นกระดาษเงินแข็ง วาวๆ ดูหรูหราและดูแพง ส่วนถุงกระดาษใส่ครัวซองต์หนากว่าถุงกระดาษปกติและด้านในเคลือบวาว น่าจะกันความเยิ้มของเนยในครัวซองต์ ด้านข้างเจาะรูระบายอากาศ คือ เฉพาะแพจเกจจิ้งก็ luxury ขนาดนี้(เฉพาะค่าแพคเกจจิ้งหนึ่งว่าก็ 1 ยูโรไปแล้ว หรืออาจะแพงกว่า เอิ้ก) กินเสร็จ ไม่กล้าทิ้งถุงเลยค่ะ เพราะมันแพง 😉

เอาล่ะ มาที่ขนมกันค่ะ

layer เค้ามีเอกลักษณ์และสวยงามมากเพราะชั้นขนมดูติดกันอย่างสวยงาม รูปร่างจะป้อมๆ อ้วนๆ นิดนึง ขนมดมตรงๆ คือหอมมมม หอมกว่าเจ้าแรกมาก
เปลือกขนมกรอบบาง เนื้อขนมนุ่ม เหนียวกำลังดี รสชาติดีมากกก ไม่หวานไป ไม่เค็มไป กลิ่นหอมฟุ้งในปากแบบที่สุด กินแล้วรู้สึกได้ถึงความริช สิ่งที่หนึ่งชอบมากคือ ความรู้สึกตอนกัด ที่เปลือกขนมกรอบแต่ delicate ตัดกับความเหนียมนุ่มกำลังดี ขณะเดียวกันกลิ่นฟุ้งมาก และรสชาติดีมากกกกก กัดปุ้บมันกระแทกความรู้สึก กินแล้วอยากจะกินต่อให้เรียบบบบ แต่ขนมริชกว่าทุกเจ้านะคะ ถ้าไม่ชอบความเนยมากอาจจะรู้สึกเลี่ยนคำท้ายๆ
 
ป.ล.
 
1. ร้านนี้นำนำให้ไปแต่เช้า เพราะครัวซองต์จะมีเฉพาะตอนเช้า ร้านเปิด 9:30 น และจะหมดอย่างรวดเร็วเพราะมีนักท่องเที่ยวมาต่อคิวรอซื้อ หนึ่งไปถึงตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด มีคนมารอคิดวแล้ว

2.วิธีการขายเค้าเหมือนของแบรนด์เนมค่ะ คือไม่ได้ปล่อยให้ลูกค้ากรูเข้าไปซื้อหรือต่อคิวด้านในร้าน แต่จะให้ลูกค้ารอด้านนอก โดยจะเรียยกลูกค้าเข้าไปทีละ 2 คน เมื่อเข้าไปจะมีพนักงานมานำเสนอว่ามีขนมอะไรบ้างเพื่อให้เราเลือก เมื่อเราเลือกแล้ว พนักงานจะจัดขนมใส่ถุง แล้วนำไปให้แคชเชียร์เอง ส่วนเราก็แค่หันหลังไปจ่ายเงินกับแคชเชียร์ ก่อนนะจะหยิบถุงขนมออกมา

**ด้วยความอดไม่ได้ ซื้อ apple cinnamon มาด้วย แต่จะรีวิวแยกจากส่วนนี้นะคะ แต่นึกเสียใจที่ไม่กวาดมาทุกตัวที่เค้าขายเพราะอร่อยมากมาย ร้องห้ายยย ไม่เป็นไร ไว้ไปใหม่

การเดินทาง M3 Opera เดินต่ออีกประมาณ 400 เมตร
 
Tout Autour de pain (All about bread)
 
รู้จักร้านนี้เพราะ youtuber ท่านหนึ่งรีวิวไว้ และดูน่าสนใจเลยอยากชิม ความน่าสนใจคือ ได้รางวัลมาเพียบค่ะ ดูภาพประกอบเลยว่าได้รางวัลอะไรมาบ้าง ร้านออกจะอยู่ไกลสักนิด แต่ไปถึงร้านก็มีกรุ้ปนักท่องเที่ยวอยู่หน้าร้านพร้อมไกด์ น่าจะดังพอตัวเลยค่ะ ร้านนี้เปลี่ยนชื่อจากชื่อเดิมคือ 134 RdT มาเป็น Tout Autour de pain ในปี 2015 คุณเชฟเจ้าของร้าน Benjamin Turquier กวาดรางวัลทั้ง Baguette และครัวซองต์ โดยได้รับรางวัลในการแข่งขัน Concours du Meilleur Croissant au beurre AOC Charantes-Poitou) หลายครั้ง

** ขอขยายความการแข่งขันนี้เล็กน้อยนะคะ เป็นการเฟ้นหาครัวซองต์ที่ดีที่สุดโดยเกณฑ์คัดเลือกคือ
 
1. ต้องเป็นครัวซองต์เนย หรือ beurre croissant เท่านั้น ครัวซองต์ที่ใช้มาการีนหรือใช้เนยน้อยๆ ไม่ผ่านเกณฑ์คัดเลือก และต้องเป็นเนย AOP Charantes-Poitou เท่านั้น หนึ่งไม่แน่ใจว่าทำไมต้องเป็น Charantes-Poitou เพราะจริงๆ เนย AOP มีหลายเจ้า ใครรู้มาแชร์ได้นะคะ
 
2. ต้องทำแบบ artisan พูดง่ายๆ ว่า รีดมือเท่านั้น ด้วยเกณฑ์นี้ทำให้หล้ายร้านไม่ผ่านเกณฑ์คัดเลือกโดยอัตโนมัติ เพราะ 80% ของร้านครัวซองต์ใช้เครื่องรีดทั้งนั้น รวมถึงร้านเชฟดังๆ ที่หลายคนอาจเคยกินและชอบด้วย
 
เมื่อผ่านเกณฑ์การคัดเลือกลงสมัครแล้ว เกณฑ์การให้คะแนนก็โหด เพราะดูครบตั้งแต่ลักษณะภาพนอก สีของครัสท์ ความเงา ชั้นของขนม ความกรอบ ความนุ่ม รสชาติ และอื่นๆ มากมาย เรียกได้ว่า ถ้าได้รับรางวัลคือการันตีความสามารถจริงๆ

ร้านนี้ได้รางวัลอันดับ 2 ในปี 2013
อันดับ 1 ปี 2015
อันดับ 5 ปี 2019
อันดับ 4 ปี 2021
รางวัลเยอะขนาดนี้เราควรไปชิม ร้านนี้ดูจะเป็นร้านโปรดของปารีเชียงหลายคนด้วย

 

 

 
plain croissant ราคา 1.5 ยูโร
 
หน้าตาขนมมีความ traditional มากค่ะ เหมือนครัวซองต์รีดมือยุคเก่าๆ ขนมกลิ่นหอม แต่น้อยกว่าของ CG เปลือกขนมกรอบบางๆ ดูเหมือนจะกรอบน้อยสุดในทุกเจ้าที่ชิมเลยค่ะ เนื้อขนมนุ่มเหนียวกำลังดี รสชาติคล้ายร้านแรกคือ The French Bastards มาก แต่ที่ต่างคือ รสชาติของร้านนี้เข้มข้นกว่า ชัดเจนกว่า ทำให้อร่อยกว่า แม้ขนมจะดูน่าตาธรรมดามาก แต่กินแล้วอยากกินต่อไปอีกเรื่อยๆ ค่ะ ยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อย

การเดินทาง – สถานี Republique (M3)
 
La Maison d’Isabelle
 
ร้านสุดท้าย ร้านนี้เคยได้แชมป์อันดับ 1 ในการแข่งขัน Concours du Meilleur Croissant au beurre AOC Charantes-Poitou) ในปี 2018 ซึ่งปีนั้นหนึ่งก็มาชิมรอบนึง แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เพราะมาตอนเย็น ครัวซองต์เย็นและชืดมาก ไม่ประทับใจเลย แต่คิดว่า มันต้องมีอะไรดีสิถึงเคยได้ที่ 1 รอบนี้เลยมาแก้ตัว ร้านอยู่ติดทางขึ้นสถานี Maubert-Mutualité แบบที่ ลง metro ปุ้บ กลิ่นครัวซองค์ลอยลงไปถึงรถไฟใต้ดิน หอมฟุ้งมากกก เดินตามกลิ่นไปก็เจอร้านเลยค่ะ อิอิ

Plain croissant ราคา 1 ยูโร แต่ขนาดเล็กกว่าทุกเจ้านะคะ หน้าตาขนมเป็นลักษระเฉพาะของการรีดมือ คือชั้นขนมด้านนอกอาจจะดูไม่ตระการตาเหมือนใช้เครื่อง แต่สวยนะคะ สีขนมสวยมาก ดมกลิ่นตรงๆ ไม่ค่อยได้กลิ่นเลยค่ะ หรือเพราะจมูกไปได้กลิ่นตั้งแต่อยู่ในสถานีรถไฟใต้ดิน 😉 แต่พอกัดแล้วเคี้ยว กลิ่นและรสขนมฟุ้งมากกกก หอมมากค่ะ เปลือกครัวซองต์กรอบหนากว่าทุกเจ้าที่กินเลย และกรอบนานด้วยเพราะหนึ่งเก็บไว้กินอีกครั้งตอนค่ำ ยังกรอบอยู่เลย เนื้อขนมเหนียวนุ่มกำลังดี รสชาติในปากดีมากกกก อร่อยสมรางวัลเค้าจริงๆ ค่ะ

การเดินทาง – สถานี Maubert-Mutualité (M10)
 
ชอบเจ้าไหนที่สุด
 
จากความเห็นส่วนตัว เรียงลำดับจากชอบมากที่สุดดังนี้ค่ะ

1. Cedric Grolet
2. La Maison d’Isabelle
3. Tout Autour de Pain
4. The French Bastards

จริงๆ แล้วชอบทุกร้าน อร่อยทุกร้านค่ะ หนึ่งชอบ CG มากที่สุกเพราะริชสุด และมีทุกอย่างที่หนึ่งชอบ ส่วนอันดับ 2-3 คะแนนใกล้เคียงกันมากๆ โดยเฉพาะ 2 & 3 แต่หนึ่งชอบเปลือกคัวซองต์เจ้า 2 มากกว่า 3 ที่เค้าจะนิ่มกว่า ในส่วนรสชาติคล้ายกันมาก ส่วน The French bastards เจ้าสุดท้าย ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะคะ อร่อยและควรค่าแก่การแวะไปซื้อค่ะ เพียงแค่รสชาติอ่อนกว่าของพี่ๆ นิดเดียว

ส่วนครัวซองต์เจ้าอื่นๆ ที่หนึ่งเคยกิน

– Stohrer ร้านเบเกอรีเก่าแก่ที่สุดในปารีส ร้านสวย และขนมอร่อย ครัวซองต์ก็ดี ร้านนี้กินบ่อยกว่าเพื่อนเพราะอยู่ในย่านที่หนึ่งไปพัก ไปกี่ครั้งต้องไปเช็คอิน ครัวซองต์เปลือกกรอบ เนื้อนุ่มเหนียวกำลังดี หอมอร่อย แต่จะหมดเร็วนะคะ ควรไปแต่เช้า

– Ble Sucre ร้านอยู่ไกลหน่อย แต่ขนมไม่แพง ครัวซองต์เค้าจะเนื้อเหนียวกว่าทุกเจ้าที่เคยกินในปารีส แต่อร่อยค่ะ ร้านนี่ทำขนมเบสิคๆได้อร่อยมาก โดยเฉพาะ madeleine & lemon tart

– Pierre Hermé – ครัวซองต์ Ispahan ของเค้าคือที่สุด การบาลานซ์รสชาติและปริมาณของไส้ของขนมดีมาก ไม่มากไม่น้อยไป ยกให้เป็นครัวซองต์หวานในดวงใจ เพราะปกติหนึ่งไม่ชอบครัวซองต์ไส้ทะลัก เพราะรู้สึกว่าไม่ได้กิน “ครัวซองต์” จริงๆ

– Eric Kayser – ร้านหาง่ายมาก มีสาขามากมายในปารีส เป็นแฟรนไชส์ด้วย รสชาติมาตรฐานครัวซองต์เนยที่หาซื้อง่าย

– Phillippe Conticini- เชฟไซส์พลัสที่หนึ่งชอบและติดตาม ชอบบ Paris brest ของเชฟ อร่อยมาก รอบนี้ลองครัวซองต์ เนื้อขนมนุ่มและรสหวานกว่าครัวซองต์เจ้าอื่น ใครชอบแนวนี้แนะนำค่ะ

– Bo & Mie ร้านน้องใหม่เมื่อหลายปีที่แล้ว ปัจจุบันกิจการดีมาก มีใน Galeries Lafayette Maison & Gourmet ด้วย แต่ส่วนตัวหนึ่งชอบน้อยที่สุด อาจจะเพราะกินตอนชืดแล้ว แล้วไม่ค่อยได้รับรู้อะไรทั้งเนื้อขนมและรสชาติ ไว้มีโอกาสไปปารีสรอบหน้าจะกินอีกครั้งอย่างตั้งใจดูค่ะ

 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***