ขับรถเที่ยวอเมริกาไม่ยาก


เป็นตอนที่สองจากตอนแรกที่โพสท์ไปแล้ว Road trip in USA; How, where and when?>>ขับรถเที่ยวอเมริกา ทำได้ ไม่ยาก ตอนแรกหนึ่งเน้นเรื่องการวางแผนภาพรวม วันนี้จะมาลงรายละเอียดเรื่องของ “การขับรถ” นั่นเอง

ขับรถในเมกายากไหม??

จริงๆแล้วไม่ยากค่ะ ถ้าเราขับรถเป็นอยู่แล้ว ขับในกรุงเทพได้ก็สามารถขับที่เมกาได้เหมือนกัน เพียงแต่อาจจะต้องปรับตัวนิดหน่อยเพราะการขับรถพวงมาลัยที่ตรงข้ามกับบ้านเรา บวกกับบ้านเค้ามีกฎที่เราควรรู้ไว้ หนึ่งเพิ่มรายละเอียดอื่นๆซึ่งคิดว่ารู้ไว้จะช่วยให้เราขับรถเที่ยวได้อย่างมั่นใจขึ้น

ใบขับขี่

แน่นอนอยู่แล้วว่าเราต้องเตรียมใบขับขี่ไป ซึ่งใบขับขี่นี้ต้องใช้ยื่นตอนเราไปรับรถเช่าด้วย

จำเป็นต้องเตรียมใบขับขี่สากล (international driver’s license)หรือไม่
v
V
V
คำตอบคือ – ถ้ามีใบขับขี่ ถาวรที่มีข้อมูล ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปทำ International driver’s license ค่ะโดยมีเงื่อนไขว่าต้องซื้อประกันอุบัติเหตุรถยนต์

เหตุผลคือ…ใบขับขี่สากล หรือ international driver’s license ไม่ใช่ใบอนุญาติขับขี่จริงๆ เป็นแค่การแปลข้อมูลในใบขับขี่หลักเป็นภาษาอังกฤษ (ซึ่งตามหลักต้องใช้คู่กับใบขับขี่หลัก) เพื่อเป็นการง่ายต่อ จนท ตำรวจในการทำงาน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิงค์นี้นะคะ
http://www.worldlawdirect.com/article/909/international-drivers-license.html

http://www.lawanwadee.com/FeatureArticles/Do-I-Need-International-Drivers-License.html

….แต่…แต่ กฏนี้ไม่ได้ใช้ได้กับทุกประเทศนะคะ ก่อนเดินทางควรศึกษารายละเอียดและอัพเดทข้อมูลนิดนึง เพราะหนึ่งเคยไปแคนาดาและออสเตรเลีย ต้องยื่นคู่เลย 2 ใบ ถึงเช่ารถได้ค่ะ

การเช่ารถ

การเช่ารถที่เมกาน่าจะเหมือนทุกที่ในโลก เราสามารถ online booking ได้โดย

1. ผ่านเวปไซต์ต่างตามชอบ เช่น

http://www.expedia.com
http://www.booking.com
http://www.kayak.com/

หรือถ้านิยมใช้ยี่ห้อไหนเป็นประจำ ก็เช่าจาก website ของเจ้านั้นๆเลย แต่โดยส่วนตัวแล้วเป็นลูกค้าประจำของ expedia และมักเช่ารถ compact หรือ economy ราคาของรถ compact จะอยู่ที่ประมาณสิบกว่าเหรียญ(ปี 2010-2011) แต่จะโดนภาษีและบลาๆ แต่รวมแล้วก็ยังไม่ถึง $20 นะคะ ถ้ากะเที่ยวยาว จองเป็นอาทิตย์ก็จะยิ่งถูกเข้าไปอีก ขนาดของรถขึ้นกับจำนวนผู้โดยสารและสัมภาระด้วยนะคะ

2. จองผ่านเวปไซต์ของสายการใบภายในประเทศ ซึ่งมีมากมายหลายเจ้า

http://www.alaskaair.com/

http://www.aa.com/homePage.do?locale=en_US&pref=true

http://www.delta.com/

http://www.southwest.com/

http://www.alaskaair.com/

http://www.aa.com/homePage.do?locale=en_US&pref=true

http://www.delta.com/

http://www.southwest.com/

ส่วนตัวชอบใช้บริการ southwest เพราะ

– เป็นสายการบินที่ให้โหลดกระเป๋าได้ฟรี 2 ใบ (สายการบินอื่นจะคิดเงินค่าโหลดกระเป๋า)

– สามารถเข้าไปเช็คราคาได้ว่าเดือนไหน ราคาเท่าไหร่ เพราะค่าโดยสารในแต่ละวันไม่เท่ากัน

– สามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้ล่วงหน้า online ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถ้าราคาตั๋วเท่ากัน ถ้ามีส่วนต่างเราก็จ่ายเพิ่ม
 
1370955940-DSC0008-o
 

**ข้อเสียคือ ชื่อสายการบินก็บอกอยู่แล้วนะคะว่าเค้าจะบินเฉพาะเส้นทางใน southwest ดังนั้น ก่อนเดินทางเช็คดูก่อนนะคะ แต่อย่างที่บอกไว้ว่า ทริปที่ไปมาอยู่ตะวันตกทั้งหมด เลยใช้บริการสายการบินนี้ตลอด**

***การจองรถผ่านสายการบินมีข้อดีคืออาจจะได้ดีลดีๆ เช่ารถได้ราคาถูกเป็นพิเศษ ลองเปรียบเทียบราคาได้ก่อนเช่า แต่จริงๆแล้วดีก็มีในบริษัทใดๆเช่นกัน ลองหาดูแล้วเทียบราคาก่อนตัดสินใจได้ค่ะ****

3. ปัจจุบันมีเวบไซต์ที่เป็น search engine หลายเจ้าที่สามารถเรียกดูราคาแบบเปรียบเทียบกันได้เลยซึ่งสะดวกมากๆ ทำให้เรามีทางเลือกได้มากขึ้น

เลือกเช่ารถบริษัทไหนดี

บริษัทเช่ารถในเมกามีมากมายหลายบริษัทให้เลือก ราคาและ policy ก็หลากหลายกัน อันนี้แล้วแต่ความชอบ ความคุ้นเคยและราคาถูกสุด คุ้มค่าสุด แต่ทุกบริษัทมักจะมีขายประกันเพิ่มเป็นเซ็ทให้เลือกขึ้นกับความคุ้มครอง ซึ่งประกันที่ซื้อเพิ่มนี่แหละที่จะทำให้ค่าเช่ารถกระเด้งขึ้นไปได้ เผลอๆราคาพอๆกับค่าเช่าต่อวันเลย
 
1370956752-seattleair-o
 
ส่วนตัวแล้ว 90% ใช้บริษัทนี้ค่ะ เพราะเป็นบริษัทเดียวที่คุยเรื่องประกันง่ายสุด และเราสามารถเลือกยี่ห้อรถได้เองตามใจชอบในขอบเขตที่เค้าจัดให้ ใจกว้างดีค่ะ
 
1370956866-foxrentaca-o
 
การรับรถ >>>>มีทั้งรับรถในเมืองตามจุดต่างๆ หรือรับที่สนามบิน สญ เรารับ คืนที่สนามบินเลยค่ะ เพราะสะดวกดี สนามบินทุกแห่งของเมกาจะมี free shuttle bus ของบริษัทรถที่เราเช่าเพื่อรับ-ส่งลูกค้า เมื่ออกจากสนามบินให้มองหาป้าย rental car/shuttle bus for rental car เลย แล้วรอสักพัก จะมีรถวิ่งมารับเอง โดยทั่วไปในรถจะมีพนักงานขับแค่คนเดียวคอยช่วยเรายกกระเป๋า ส่วนใหญ่จะยกเองเพราะจัดกระเป๋าใบไม่ใหญ่ แต่ถ้าเค้าช่วยยกกระเป๋าก็อาจจะทิป $1-2

การคืนรถ>>>พยายามมาให้ทันเวลาคืนรถที่กำหนดไว้ เลทได้นิดหน่อย ไม่เกิน 15 นาที ถ้าเลทมากเราจะถูกชาร์จค่าเช่าเพิ่มเป็นจำนวน ชม หรือวัน แล้วแต่บริษัท โดยมองหาป้าย return rental car การคืนรถง่ายมากๆ ขั้นตอนไม่เยอะ ถ้าไม่มีปัญหานะคะ สนามบินขนาดเล็กบางที่ office ของ rental car ไม่ได้เปิด 24 ชม แต่มีตู้ให้หย่อนกุญแจรถ แค่เราจอด ไปหย่อนกุญแจในตู้ ก็ถือว่าคืนรถเรียบร้อยแล้ว สะบัดตูดกลับบ้านได้เลย แต่คำนวณเวลาดีๆเพราะถ้าคืนหลังเวลา office ก็เท่ากับคืนวันรุ่งขึ้นเลย และที่สำคัญ(มาก)อย่าลืมแวะเติมน้ำมันเต็มถังก่อนคืน ถ้าใช้เงื่อนไขเติมน้ำมันให้เค้า ไม่อย่างนั้นจะโดนชาร์จค่าน้ำมันแพงมหาโหด

Insurance จำเป็นต้องซื้อหรือไม่ คำตอบคือ ควรซื้อ อย่างน้อยก็ Loss & Damage ซึ่งครอบคลุมแค่ความเสียหายของตัวรถเท่านั้น ไม่รวมร่างกายและชีวิตของเราและคู่กรณี ถ้าเรามั่นใจว่าเราสามารถขับรถได้อย่างปลอดภัย จัดแค่นี้พอ (เหมือนหนึ่งอิอิ) แต่ถ้าไม่สบายใจ เพราะ”ค่าฟ้องร้อง” ที่สูงจนเราอาจจะหมดตัวได้ ก็ซื้อ insurance แบบที่ครอบคลุม Liability ไปด้วยนะคะ แต่ตัวนี้จะค่อนข้างแพงเป็นลำดับขั้น และก็มักจะแพงกว่าราคาค่าเช่าเองด้วยซ้ำ…บางบริษัทจัดมีเซ็ทให้เลือกเลยเป็นชุด 1 2 3 แต่ละเซ็ทความคุ้มครองต่างกันไป ลองอ่านข้อมูลดูก่อน ค่อยตัดสินใจ

*** ส่วนตัวที่เที่ยวมาซื้อแค่ Loss & Damage และซื้อประกันการเดินทางจากเมืองไทยแบบครอบคลุมทั้งรถและคนเอาค่ะ เสี่ยงเพราะงก***
***บรษัทเช่ารถที่เขี้ยวมากๆจะพยายามให้ราซื้อประกันเพิ่มไปเรื่อยๆ แต่เรามีสิทธิ์ปฏิเสธได้นะคะ เพราะฉะนั้น ศึกษารายละเอียดดีๆก่อนจ่ายค่าเช่า***

GPS นั้นสำคัญไฉน

เป็นอะไรที่ต้องมีค่ะ จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น (หรือเปล่า) คนเมกันส่วนใหญ่จะมี GPS โดยเฉพาะคนเมือง GPS จะพาเราถึงสถานที่ที่เราอยากไปและมีประโชน์สูงสุดช่วงขับในเมือง แต่ข้อเสียคือเราต้องมีที่อยู่ระดับบ้านเลขที่จากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง และสถานที่บางแห่งโดยเฉพาะ national park ไม่มีบ้านเลขที่ ข้อแนะนำคือ ให้ลองหาในโหมด สถานที่ที่น่าสนใจ หรือแหล่งท่องเที่ยว การขับรถไป ดู GPS ไปสำหรับคนที่ไม่เคยอาจจะไม่ชินในตอนแรกๆ สักพักก็ชินค่ะ

GPS เอามาจากไหน >>>>ใครมีเครื่องจากเมืองไทยก็เตรียมไปใช้ได้เลย แต่ต้องไป download ข้อมูลที่อัพเดทของ USA ก่อนไปนะคะ เพราะไม่ใช่นั้นเธอจะไม่รู้จักบางสถานี่ หรืออาจจะเช่าที่จุดเช่ารถก้ได้ โดยค่าเช่าต่างกันไปสอบถามราคาได้ น่าจะอยู่ราว ๆ $10-20 ต่อวัน สำหรับใครที่เช่ารถที่มี GPS ด้วยในตัวก็เป็นโบนัสค่ะ แต่เวลาหนึ่งไปเที่ยวจะเช่า wifi ด้วยเพื่อเปิด Google map อีกแรงเอาไว้คอนเฟิร์มกันเพราะบางที GPS ก็มั่ว บางครั้ง Google map ก็ผิด

เครดิตภาพจากเน็ตค่ะ
 
1370954703-3009511-o
 
ขับรถในอเมริกา

ขับรถในเมกาสังเกตป้ายจราจรไว้แล้วทำตามทุกอย่างจะราบรื่น มีหนึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมนิดหน่อย ขอพูดแยก 2 ส่วนคือ ถนนหนทาง และทางเทคนิค

ถนนหนทาง >>>freewayและ highway เค้าดีสุดๆ ป้ายจราจรชัดเจน ขับง่ายมากๆ ง่ายกว่าบ้านเราเยอะค่ะถ้าวิ่งถนนโลคอลก็ยังสภาพดี เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล

ด้านเทคนิค มีรายละเอียดเล็กน้อยค่ะ แรกๆอาจจะมีเอ๋อบ้างไรบ้าง ที่เกิดบ่อยๆคือ เปิดไฟเลี้ยวไปเจอที่ปัดน้ำฝน และออกจากซอยไปชิดซ้ายทันที เจี๊ยกกกกก…..แต่ แต่ อย่าตื่นตระหนกตกใจไปนะคะ ตั้งสติดีๆแล้วเนียนๆต่อ ซักพักจะชินเอง มีเกร็ดเล็กน้อยเล่าให้ฟังเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน เพราะค่าปรับแพงมากๆๆๆๆ

จริงๆแล้วไม่มีอะไรมาก ถ้าขับรถเป็น รู้กฏจราจรและขับรถใน กทม ได้ ก็ขับรถที่เมกาได้แน่นอน แต่มีทิปเล็กน้อยมาฝากคะ

…….พวงมาลัยซ้าย ที่ปัดน้ำฝนและไฟเลี้ยวจะสลับกับบ้านเราแต่ถ้าใครใช้รถยุโรปอยู่แล้วก็ สบม

…….กฏหมายที่เมกาจะศักดิ์สิทธิ์นะคะ (ไม่ได้แปลว่าเค้าลงอาคมไว้นะคะ อิอิ) แต่หมายถึงทุกคนอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกัน รวมทั้งตำรวจ แต่…ค่าปรับมหาโหด เราต่างบ้านต่างเมืองไป ถ้าไม่อยากมีปัญหาเคารพกฏจราจรดีที่สุด และกฏหมายของแต่ละรัฐจะต่างกันเล็กน้อย

การขับรถบน freeway หรือทางหลักขับง่ายสุดๆ ถนนหนทางดีเริด ป้ายจราจรชัดเจนสุดๆค่ะ ความเร็วในการขับขึ้นอยู่กับแต่ละจุดซึ่งจะมีป้ายบอกอยู่ตลอดแต่เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 70-80 mph รถวิ่งช้าชิดขวา

ขับในเมืองหรือเขตชุมชน จะมีอะไรขึ้นมานิดหน่อยค่ะ คือ

……..ความเร็วจะอยู่ที่ 25-40 ตามป้าย เพราะก่อนเข้าเขตเมืองจะมีป้ายเตือนก่อน เราก็ต้องชะลอ ถ้าเจอใบสั่งขับรถเร็วในเมืองโทษสาหัสค่ะ ถ้าได้ใบสั่งบนฟรีเวย์ค่าปรับจะคำนวณตามไมล์ที่เราขับเกิน !!

…….. ป้ายสัญญาณจราจรมีความหมายทุกป้าย ถ้ามีป้าย STOP เราต้องหยุดล้อไม่หมุนอย่างต่ำ 2 วินาทีทางฝั่ง west (ได้ยินมาว่าฝั่ง east แค่ชะลอก็พอ) ถ้าเป็นสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจรเค้าจะสลับกันไปทีละคัน โดยคนที่มาจอดก่อนได้ไปก่อน คันที่เหลือจะรอ ไม่มีการวัดใจกันและแย่งกันไปนะคะ เป็นมารยาทค่ะ พี่กันจะใจเย็น

…….เลี้ยวขวาผ่านตลอด แต่ ต้องดูสัญญาณคนข้ามด้วย ถ้ามีคนเดินข้ามถนนต้องหยุดรถให้คนข้ามก่อนเสมอ อย่าขับรถไปจี้คนข้ามเพราะเสียมารยาทอย่างแรง และตามกฏหมายที่ CA ถ้ามีคนข้ามถนน รถต้องหยุดให้ ถ้าไม่ทำอาจเจอฝรั่งแจกฟักได้ 555 ถ้าเจอฝรั่งเฮี้ยนฟ้องตำรวจเราก็ตายอย่างเดียว

……..บางครั้งเลี้ยวขวาก็โดนสัญญาณไฟเหมือนกันนะคะ ถ้าไม่มีป้ายอะไรบอก ก็คือผ่านตลอด ถ้ามีป้ายให้หยุดรอสัญาญไฟเขียวก่อนก็ต้องหยุดนะค้า

……..Passing lane คืออะไร ถ้าถนนเป็นถนน 2 เลนส์ เค้าจะมี Passing lane เป็นระยะ จุดนี้ถนน 2 เลนส์ จะแยกร่างออกมา รถช้าชิดขวานะคะ ให้รถเร็วแซ็ง ถ้าเป็นเส้นทางเลียบทะเล เช่น Highway 1 จะมีเกาะให้รถช้าเข้าไปหลบให้คนที่เร็วกว่าแซงค่ะ

……ถ้ามีคนข้ามถนนต้องจอดรถนะคะ ปกติคนเค้าจะข้ามถนนบนทางข้ามหรือทางม้าลาย เวลาจอดต้องจอดแบบล้อหยุด จอดแบบชะลอหรือเตรียมจะไปไม่ได้น้า กฏหมายบ้านเค้าคือ รถดูคน ค่ะ

…….การจอดรถ ถ้าในเมืองต้องมองหาสัญลักษณ์ว่าให้จอดได้หรือไม่ ถ้ามีป้ายบอกค่ะ อ่านรายละเอียดนิดนึงว่าจอดได้นานแค่ไหน ส่วนใหญ่ถ้าจอดรถข้างถนมักต้องเสียเงินแบบหยอดเหรียญ

ป้ายและสัญลักษณ์ จราจร ที่ควรรู้

pool lane จะเห็นบน highway หรือ freeway เป็นเลนส์พิเศษสำหรับรถที่มีผู้โดยสาร 2 ขึ้นขึ้นไป มักจะอยู่ซ้ายสุดของถนน แต่ใช่ว่าอยากเข้าอยากออกอยากเปลี่ยนเลนสบายใจเฉิบนะคะ เค้ามีทางเข้าและออกชัดเจน สังเกตได้จากเส้นทึบบนถนน ต้องเข้าออกตามจุดที่กำหนดให้
 
1370953478-carpoollan-o
 
DIP (decline and incline)…ทาางลาดขึ้นลง….ไม่ใช่ drive in peace นะคะเค้าล้อเล่น

ICY (ทางมีน้ำแข็งเกาะ)

Avalanche (ระวังหิมะถล่ม)

Stop (หยุดเด้อ) แต่อาจจะเห็นสัญลักษณ์แปดเหลี่ยมสีดำ

Ped Xing (Pedestrian Crossing – ระวังคนข้ามถนน)

School ถ้ามีป้ายนี้ต้องชลอความเร็วลงช้ากว่าวิ่งในเมือง ถ้าขับรถตามรถโรงเรียนต้องคอยดูสัญญาณจากรถ รร ด้วยค่ะ เพราะถ้ารถจอดส่งนักเรียนจะมีป้ายยื่นออกมาว่า Stop เราต้องหยุดรถเลย และรอจนกว่าเด็กจะลงจากรถและรถเคลื่อนตัวออกไป

กรี้ดดดดดดด โดนใบสั่ง ทำอย่างไรดี

เหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ส่วนใหญ่ที่โดนคือ ขับเร็วเกินกำหนด หรือ speeding ticket ถ้าวิ่งบน freeway หรือ high way กำลังเหยียบเพลินๆ แถมถนนโล่งๆ อาจจะเผลอเหยียบคันเร่งเกิน และแว้บนั้นแม้เพียงแว้บเดียวที่ขับเกิน ฮีก็โผล่มา(จากไหนไม่รู้) คนที่จะไล่กวดเราและให้ ticket หรือใบสั่งคือ highway patrol โดยเฮียแกจะซุ่มอยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งลับตาและเปิดเผย อิอิ (คล้ายบ้านเราเนอะ) เค้าจะไล่ล่า ไล่กวดเราโดยจะเปิดไฟสัญญาณ พร้อมเรียกเราทางโทรโข่ง ให้เราจอด หรือ pull over ไม่ต้องกลัวว่าจะผิดคันค่ะ และอย่าแอบวังว่าจะหนีพ้น ณ จุดนี้เราไม่สามารถกราบสวัสดีแล้วแอบหนีบเงินให้ตำรวจได้เหมือนอย่างที่คุ้นเคยนะคะ คุณตำรวจทางหลวงจะให้ ticket โดยลงรายละเอียดเรื่องความเร็ว สถานที่เกิดเหตุ พร้อมรายละเอียดมากมาย แต่จะไม่มีจำนวนเงิน โดยเค้าจะนัดให้เราไปขึ้นศาล ตามวันและเวลาที่เค้ากำหนด เพื่อ defend ตัวเองหรือต่อสู้ (เค้าให้โอกาสสู้นะเออ)ถ้าคิดว่าเราไม่สมควรจะได้รับ ticket ถ้าเราไม่สะดวกเราสามารถโทรไปขอเลื่อนได้ แต่ถ้าเรารู้ตัว ผิดเห็นๆ ก็มีทางเลือกให้จ่ายทางโทรศัพท์หรือ Internet ได้ แล้วแต่ท้องที่นั้นๆจะอำนวยความสะดวกให้ Buddy หนึ่งเคยโดยใบสั่งเรื่องความเร็วไปที่ฟรีเวย์ ซานฟราน นัดอีก 3 เดือนไปขึ้นศาล เลยจ่ายทางโทรศัพท์ (ซึ่ง charge เพิ่มเติมจากค่าปรับขึ้นมาอีก) รวมแล้วก็ $341 เหนอะๆ เข็ดเลยค่าาาา อิอิ

บรรยากาศการแจก ticket ดูมาคุไหมคะ ดังนั้น กันไว้ดีกว่าแก้ค้าาาา

ปล เวลาเราขับรถเที่ยว เราจะตกลงกันว่าถ้าได้ใบสั่งเรื่องความเร็ว เราไม่หารนะ สิบอกให่ ข้อตกลงมหาโหดในกลุ่มอิอิ
 
1370954170-6488843592-o
 
เติมน้ำมันรถ

การเติมน้ำมันที่เมกาเรียกว่า fill the tank หรือ fill the gas

ทางหลวง: จะมีตามจุดต่างๆบนทางหลวง มองหาป้ายสัญลักษณ์เลยค่ะ เค้าจะมีป้ายบอกก่อนถึงว่าจะมีปั๊มที่ทางออก หรือ exit ไหน เราต้องขับรถออกจากทางหลวง แต่ไม่ไกลมากค่ะ เต็มน้ำมันเสร็จ ก็ขับรถกลับเข้าเส้นทางทางหลวง เราจะไม่เห็นปั๊มน้ำมันติดขอบทางหลวง

city หรือในเมือง: มองหาป้ายเป็นหลักค่ะ หรือให้ GPS พาไป ง่ายดี อิอิ

การเติมน้ำมันรถ ส่วนใหญ่ต้องเติมเองค่ะ ถ้าใช้บัตรเครดิตของเมกาเองจะสามารถเสียบบัตรที่เครื่อง รูดปี๊ด แล้วดึงหัวจ่ายมาเติมได้เองเลย แต่ถ้าใช้บัตรต่างประเทศมักจะประสบปัญหารูดไม่ได้ต้องเดินไปรูดข้างในร้านหรือจะจ่ายเงินสดก็ได้ แต่ก่อนไปเงยหน้าดูก่อนว่าเครื่องเราอยู่หัวปั๊มเบอร์อะไร (จะมีหมายเลขระบุไว้) แล้วเดินไปบอกที่ shop ว่าเราต้องการเติมเท่าไหร่ (กะๆเอาค่ะ ส่วนใหญ่ก็ประมาณ $30-40) แล้วค่อยเดินกลับมาเติมเอง หัวจ่ายจะล็อกไม่จ่ายน้ำมันเกินเงินที่เราบอก แต่ถ้าน้ำมันเต็มถังก่อน เราสามารถเดินกลับไปขอเงินส่วนที่จ่ายเกินได้ ใบเสร็จจะออกตอนเราเติมน้ำมันเสร็จ โดยระบบจะถามว่าเอาใบเสร็จหรือไม่ อย่าลืมกด yes นะคะ รถเช่าทุกคันที่เคยเช่ามาใช้ Regular 87 ทั้งหมด ไม่เคยเจอแบบอื่นเลย แต่จะให้ดี แนะนำว่าหยิบ manual ของรถ ซึ่งจะติดมากับรถเสมอ มาอ่านดูให้ชัวร์ก่อนเลือกน้ำมันที่จะเติมค่ะ

***ยกเว้นที่ Oregon นะคะ ที่ Oregon จะมีคนเติน้ำมันให้เราโดยที่เราไม่ต้องทิป เป็นกฏหมายของเค้าค่ะ*****

หิวแล้วๆ ทำอย่างไรดี

เวิ้งของปั๊มน้ำมันอาจจะมีอาหารพวกฟาสท์ฟู้ด เช่น McDonald, Taco Bell, Subway, Jack in the box, Burger King อะไรก็แล้วแต่ค่ะ ซึ่งเราสามารถใช้บริการได้รวดเร็ว รสชาติก็อย่าคาดหวังมาก เมกันอาหารคาวเค้าจะเค็ม ของหวานจะหวานมากกกก ข้อดีของอาหาร Fast food คือ สะดวก รวดเร็ว ประเภท grasp and go และไม่ต้องจ่ายทิป เครื่องดื่มในร้านอาหาร fast food เหล่านี้ (น้ำอัดลม) เติมฟรีค่ะ ดื่มได้ไม่อั้น ถ้าอยากหรูหน่อย หรือเกิดอาการเลี่ยนอาหาร Fast food ก็มีร้านอาหารอื่นๆให้ได้ชิมกัน ซึ่งร้านอาหารต่างๆแล้วแต่เมืองเล็กเมืองใหญ่นะคะ ร้านอาหารจีน, Panda express, IHOPS, Apple bee ก็ว่ากันไปตามชอบ

การจ่ายทิป ทำอย่างไร

…..ถ้าเป็นเงินสดก็จ่ายไปเลยตอนเรียกเก็บเงิน

….. ถ้าจ่ายด้วยบัตรเครดิต ร้านจะรับบัตรเราไปรูดก่อนแล้วเค้าจะให้สลิปบัตรเครดิตมาให้เราเซ็นต์ชื่อ ในสลิปนี้จะแจกแจงว่าอาหารราคารวมเท่าไหร่ ภาษีเท่าไหร่ ราคารวมภาษีเท่าไหร่ และอาจจะมีช่อง Gratuity ซึ่งก็คือช่องทิปนั่นเอง เราก็ใส่ตัวเลขที่ทิปในช่องนี้ และใส่ราคารวมที่เราต้องจ่าย (ค่าอาหาร + ค่าทิป) ในช่อง total แล้วก็เซ็นต์ชื่อ ถือว่าเสร็จค่ะ เก็บบัตรเครดิตเข้ากระเป๋าพร้อมก๊อบปี้ของเราไว้

…..การทิป ร้านอาหารที่เป็นบุพเฟท์ที่จ่ายก่อนกิน ทำอย่างไร วางเงินไว้บนโต๊ะตอนกินเสร็จแล้วเลยค่ะ

จุดพักรถ(rest area)

จุดพักรถเค้าคือจุด “พักรถ” จริงๆ แยกจากแหล่งชุมชนและมักจะมีบนเส้นทางที่ยาวๆ โดยจะมีป้าย rest area อยู่บางจุด จุดพักรถเค้าจะมีห้องน้ำและเก้าอี้ให้นั่งพัก แต่ไม่มีอาหาร อาจจะมีตู้หยอดเหรียญกาแฟ เครื่องดื่มหรือพวก snack แต่ถ้าเราเหนื่อยพักในปั๊ม หรือร้านอาหารในเมืองได้ค่ะ มีห้องน้ำให้เข้า สะอาดด้วย

Rest area ใน CA
 
1370959251-dsc0077-o
 
พอขับรถวิ่งไปเรื่อยๆ เราจะสังเกตได้ว่า ย่านชุมชุน ย่านเมือง เป็นอย่างไร บ่อยครั้งที่เราขับอยู่เดียวดายบนถนนที่ไม่มีรถและสิ่งก่อสร้างใดๆ อย่าตกใจไปค่ะ และหลายๆครั้งที่วิวข้างทางก็สวยมากๆแล้ว

อาจจะเห็นแต่ภูเขาแบบนี้ (เส้นทาง Las Vegas–> Valley of Fire State park
 
1370958379-dsc0748-o
 
หรือต้นไม้ครึ้มแบบนี้ (Olympic NP, Washington)
 
1370973677-9411291015-o
 
สุดท้ายสำหรับบล็อกเอ็นทรีนี้ อยากฝากเรื่องการประกันการเดินทางไว้นะคะ เนื่องจากมีประสบการณ์เกิดอุบัติเหตุณ์ระหว่างการท่องเที่ยว หกล้มตอนเล่นสโนบอร์ดบนยอดเขาสูงอันหนาวเหน็บที่อุณหภูมิ -15 C ตอนแรกคิดว่าแขนหักแล้ว ต้องเรียกรถ ambulance และเข้า รพ เสียค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 13,000 USD!!!! นี่ไม่ได้นอน admit นะคะ แค่ค่า ambulance และค่าเปิดห้องฉุกเฉิน ค่า x-ray ค่ายา ค่าหมอ แต่โชคดีที่ซื้อประกันไป หนึ่งใช้ของบูพา สำรองเงินก่อนแล้วมาเคลมทีหลัง แต่เคลมง่ายมากๆ
 
1370960856-vailJPG-o
 
แม้จะไม่ได้นอน รพ แต่ก็สร้างความตื่นตระหนก ตกใจ ระคนตื่นเต้น หวาดกลัว เสียวไส้ แก่คณะที่เดินทางไปด้วยสุดๆ แต่สุดท้าย ก็ไปเที่ยวต่อได้ (แบบเดี้ยงๆ) ถือเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเลยค่ะ

 
1370961034-DSC0744-o
 

ท้ายแล้วจริงๆสำหรับเรื่องราวของ road trip ในเมกา อ่านจบแล้วเช่ารถขับเที่ยวได้เลยค่ะ ^_^
ขอบคุณที่ติดตามนะค้า

 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***

adrenalinerush
About me

Deeply in love with traveling, cooking and baking. Also love to write and like to share. Join me in traveling and kitchen adventures!

YOU MIGHT ALSO LIKE

Road trip in USA; How, where and when?
October 10, 2016
ร้านอาหารดาวมิชลิน
อยากชิมอาหารร้านอาหารดาวมิชลินทำอย่างไร
June 26, 2016
ร้านอาหารดาวมิชลินคืออะไร
June 09, 2016
“ประเทศฮอลแลนด์” ไม่มีในโลก…จริงหรือ
March 14, 2016
เที่ยวปารีสด้วยรถไฟ
เที่ยวปารีสด้วยรถไฟ
March 14, 2016
Fort Point
San Francisco
November 10, 2015
Yosemite National Park
Yosemite National Park
October 26, 2015
Big Sur
Big Sur
October 26, 2015
Monterey Bay Aquarium
Monterey Bay Aquarium
October 26, 2015

1 Comments

FUFY
Reply October 12, 2016

555 เห็นแล้วคิดถึงวันเก่าๆ จัง ^_^

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *