The Palmer House Brownie บราวนีสูตรต้นตำหรับ
 

คิดว่าทุกคนรู้จักบราวนีและหลายคนน่าจะรู้ว่าบราวนีต้นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เคยสงสัยไหมคะว่าใครเป็นคนคิดสูตรขนมตัวนี้คนแรก และสูตรแรกๆ หน้าตาและรสชาติเป็นยังไง

พอพูดถึง “ความเป็นต้นฉบับ ต้นตำหรับ หรือความ original” หลายๆ ครั้งมันยากที่จะยืนยันได้ชัดเจนเพราะหลายๆ ครั้งไม่มีการจดบันทึกหรือไม่มีหลักฐานอ้างอิงประกอบ บราวนีเองก็เช่นกัน มีหลายตำนาน หลายเรื่องราว และหลายแหล่งที่อ้างว่าเป็นต้นฉบับ เป็นคนทำคนแรก โดยแต่ละแหล่งก็มีเรื่องราวและอ้างอิงต่างๆ กันไป
 
The Palmer House Brownie ถือเป็นบราวนีที่เป็นหนึ่งในตำนาน “บราวนีเจ้าแรก” The Palmer House Hotel เป็นโรงแรมหรูในชิคาโก (ปัจจุบันคือ Palmer House A Hilton Hotel) โดยในปี ค.ศ. 1983 คุณ Beth Palmer ภรรยาเจ้าของโรงแรมได้สั่งการเพสทรีเชฟที่โรงแรมว่า อยากได้ขนมชิ้นเล็กๆที่สามารถใส่ใน lunch box สำหรับสุภาพสตรีที่เข้าร่วมงาน World’s Columbian Exposition คุณเชฟจึงจัดการคิดค้นสูตรขนมตัวนี้ขึ้นมา ปัจจุบันทางโรงแรมยังอบบราวนีสูตรนี้อยู่นะคะ ใครมีโอกาสไปชิคาโก้ลองแวะไปชิมได้ได้นะคะ แต่หากยังไม่มีโอกาสได้ไป ทางโรงแรมมีสูตรแจกให้ฟรีด้วยโดยสามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ของทางโรงแรมได้ ที่นี่
 
ขอยอมรับแบบตรงๆ ว่าหนึ่งเห็นสูตรขนมตัวนี้มานานแล้วแต่ไม่เคยคิดอยากลงมือทำเลย เพราะเห็นสูตรแล้วมันไม่ใช่บราวนีรสที่เราชอบกินแน่ๆ เพราะรสช็อกโกแลตเบามาก ช็อกโกแลตในสูตรมีเพียง semisweet chocolate อย่างเดียว ไม่มีผงโกโก้และแน่นอนว่าเมื่อขนมขมน้อยย่อม “หวาน” กว่าขนมที่ขมกว่า แต่ในที่สุดหนึ่งก็ “เปิดใจ” ลองทำดูซึ่งพบว่า แม้จะไม่ใช่บราวนีแบบที่หนึ่งชอบ แต่เค้า “อร่อยในแบบของเค้า” ขนมเนื้อฟัดจ์ รสช็อกโกแลตเบาๆ ไม่ขม เด็กๆน่าจะชอบเลยล่ะ ส่วนรสหวานก็ไม่หวานโดดเพราะมีถั่วมาตัดหวาน สรุปว่าหนึ่งคิดว่า “ควรค่าในลองทำ” เพราะนอกจากมันคือประวัติศาสตร์แล้วเราอาจจะค้นพบว่า จริงๆแล้วเราชอบรสแบบนี้ก็เป็นได้
 

 
สำหรับ The Palmer House Brownie ในบล็อกนี้หนึ่งปรับบางอย่างเพื่อความสะดวกในการทำและความชอบส่วนตัวดังนี้ค่ะ
 
1. ปรับหน่วยตวงเป็นกรัมซึ่งมีบางส่วนผสมที่หนึ่งปัดให้เป็นตัวเลขกลมๆ เพื่อความสะดวกในการตวง
2. เติมเกลือเข้าไปในสูตร สูตรต้นฉบับไม่มีเกลือ แต่หนึ่งติดใส่เกลือในขนมหวาน ใครอยากได้ความออริจินอลจริงๆ ตัดเกลือออกนะคะ
3. หนึ่งใส่ถั่ววอลนัทน้อยกว่าในสูตรเพราะถั่วหมด แหะๆ หนึ่งใส่แค่ 50 กรัมและบิถั่วให้เล็กลง
4. หนึ่งไม่ได้ทำ apricot glaze
5. สูตรที่ลงให้เป็นสูตรหารครึ่งจากสูตรต้นฉบับนะคะ ถ้าใครทำขนมออกมาแล้วสูงกว่าขนมในรูปของบล็อกนี้ไม่ต้องตกใจ เพราะรูปในบล็อกนี้หนึ่งทำ 1 ใน 4 ของสูตรค่ะ ขนมจึงบาง
6. หนึ่งไม่ใส่วานิลลาเอกซ์แทรค
 
เอาละมาลงมือทำกันค่ะ ขนมสูตรนี้ไม่ต้องใช้เครื่องตีนะคะ ใช้ตะกร้อมือผสม วิธีการผสมแบบต้นตำหรับเลยค่ะ ซึ่งหนึ่งว่าแปลกดี ไม่ค่อยได้เห็นการผสมแบบนี้ในการทำบราวนียุคใหม่ และเพื่อความอร่อยของขนม แนะนำใช้ช็อกโกแลตคุณภาพดี อย่าใช้ compound chocolate ทำนะคะ
 
The Palmer House Brownie

พิมพ์อบสี่เหลี่ยมขนาด 8″x8″

Semi Sweet Chocolate 199 กรัม (หนึ่งใช้ Ghirardelli)
เนยจืด 227 กรัม
น้ำตาลทรายขาว 85 กรัม
แป้งอเนกประสงค์ 57 กรัม
ไข่ (เบอร์ 2) 4 ฟอง
ถั่ววอลนัท 170 กรัม*

*ถั่วเป็นตัวตัดรสหวาน หากลดปริมาณถั่วลง ขนมจะหวานขึ้น
 
วิธีทำ
 
1. วอร์มเตา 150 C ไฟบนล่าง ปูกระดาษรองอบที่พิมพ์
2. แป้ง + น้ำตาล ใส่อ่างผสม ใช้ตะกร้อมือผสมให้เข้ากัน พักไว้
3. ละลายช็อกโกแลตและเนยด้วยวิธี double boiling เมื่อช็อกโกแลตและเนยละลายจนหมด ยกลงจากเตา ผสมส่วนผสมข้อ 2 ลงไป ใช้ตะกร้อมือผสมส่วนผสมให้เข้ากัน ในสูตรต้นฉบับให้ผสม 4-5 นาที แต่หนึ่งผสมให้แค่พอเข้ากัน
4. ใส่ไข่ลงไปในส่วนผสม ผสมให้เข้ากัน แล้วเทลงพิมพ์ โรยด้วยถั่ววอลนัท ใช้มือกดถั่วลงไปเล็กน้อย
5. อบจนขนมสุก สูตรนี้เตาหนึ่งใช้เวลา 25 นาที เมื่อขนมสุก นำออกมาพักให้เย็นสนิทในพิมพ์ ขนมจะนิ่มมากนะคะ ไม่สามารถยกขึ้นจากพิมพ์แบบบราวนีทั่วไป ใครจะใช้วิธีคว่ำเหมือนเค้กก็ได้นะคะ แต่หนึ่งใช้วิธีแช่เย็น 1 คืนก่อนตัด
 
ขนมแนะนำให้แช่เย็น 1 คืนก่อนกินนะคะ เพราะขนมจะอร่อยขึ้นมาก และเนื้อหนึบมาก อร่อยแบบรสเบาๆ กินง่าย
 

 
ลองทำดูนะคะ

Happy Baking ค่ะ

 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***