เริ่มวันตอนเช้าด้วยอากาศหม่นๆ เราใจเสียกันมาก เป็นโรคกลัวฟ้าเน่า แต่พอเดินไปซักพักฟ้าเริ่มเปิดค่ะ

ตัวอย่างความใหญ่โตของต้นไม้
 
 

ทางเดินมีต้นไม้เขียวๆแบบนี้สดชื่นจริงๆ

ทั้ง Calton Gardens และ Royal Exhibition Building ได้รับการประกาศจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม

 
 
ถัดกันไปนิดเดียวคือพิพิธพัณฑ์ เราไม่ได้เข้าไปค่ะ เดินโฉบด้านนอกแค่นั้นเอง

ระหว่างทางเจอรถรางแบบโบราณ เมืองเมลเบิร์นเป็นเมืองที่มีรถรางมีทั้งแบบโบราณสำหรับนักท่องเที่ยวและแบบทันสมัย ตามถนนหนทางจึงมีสายโยงใยเพราะรถรางวิ่งด้วยไฟฟ้า การขับรถของที่นี่ก็จะต่างออกไปค่ะ ออสเตรเลียขับรถชิดซ้ายเหมือนบ้านเรา แต่เวลาเลี้ยวขวาจะต้องชิดซ้ายรอสัณญาณรถรางก่อน

ที่เห็นด้านหลังเป็นคุกเก่า แต่ปัจจุบันเป็นพิพิธพัณฑ์

เราเดินชมเมืองไปเรื่อยๆและแล้วก็มาถึงจุดหมายเรา
 
 

ภายในตลาดมีของขายหลากหลาย โดยเค้าแบ่งเป็นโซนแยกของกินและของใช้ชัดเจน ในโซนของกินจะมีผักผลไม้สดจากไร่ หนึ่งสังเกตุว่าคนขายส่วนใหญ่เป็นเอเซียค่ะ ผักของคนเอเซียก็หาได้ในนี้ 🙂

ทางฝั่งของใช้ก็มีขายหลายอย่างทั่วไปเหมือนตลาดบ้านเรา เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องหนัง หนึ่งไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะเพราะเกรงใจเจ้าของร้าน แต่เสื้อผ้าในนี้ถูกมากๆ ปกติของในออสเตรเลียแพงมาก แต่เราสามารถหาเสื้อผ้าตัวละ 5 AUD ได้ในนี้ อารมณืตลาดก้คล้ายๆสวนจตุจักรบ้านเรา แต่เล็กกว่ามากๆ

ที่จะขาดไม่ได้ก็คือร้านขายของที่ระลึก มีหลายร้านของน่ารักๆทั้งนั้น และไม่แพงด้วยค่ะ

จากตลาดเก่าแก่เราเดินย้อนเข้ามาในเมืองกลับมาเส้นหลักของเมืองใกล้ไชน่าทาวน์ มีประดับประดาต้อนรับคริสมาตเพราะเราไปกันช่วงนั้น สองด้านของถนนเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทั้ง David Jones และ Meyer ติดป้ายลดราคาท้ายปีเชิญชวนให้เข้าไปช้อปปิ้ง หนึ่งไม่ได้เดินเข้าไปค่ะ ปกตอเวลาหนึ่งเที่ยวจะไม่ช้อปปิ้งค่ะ
 
 

เพดานแบบนี้ทำให้คิดถึงเอิงและ Galleria Vittorio Emanuele II ที่มิลานเลยค่ะ ให้อารมณ์คล้ายๆกัน แต่ที่นี่ไม่อลังการณ์เท่าตึกเป็นรูปตัว L และให้ความรู้สึกเป็นกันเองมากกว่า
 
 

เพิ่งมาสนใจว่ามีร้านอะไรในนี้บ้างตอนเจอร้านเบเกอรรี่ค่ะ น่ากินทุกอย่าง หนึ่งมีโอกาสได้ชิมเบเกอรี่ที่ออสเตรเลียขอบอกว่า อร่อยค่ะ

ตึกยุคเก่าๆที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางความทันสมัย

ข้างซอยเล็กๆนี้เป็นร้านอาหารที่คึกคักมาก มีโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างถนน ถ้าเป็นบ้านเราคงเห็นกันชินตา แต่อารมณ์ของซอยนี้ดูดิบๆ อิสระ และมีสีสันมากๆ คนนั่งที่โต๊ะอาหารจะคุยกันเสียงดังและดื่มกัน
 
 

จาก Center place ซึ่งสั้นๆ เรามาโผล่ที่ถนน Flinders st เห็นสถานี Flinders station อยู่ด้านหน้าเลย แต่เป็นตัวตึกด้านข้างค่ะ
 
 

เราเดินอ้อมไปทางด้านหลังของ Flinders station ไปที่แม่น้ำ Yarra แม่น้ำสีน้ำตาลที่เห็นนี่แหละค่ะ
 
 

ข้ามมาแล้วมองกลับไปเห็น Flinders station โดดเด่น สวยงาม
 
 

ที่นี่ถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนหัวลำโพงบ้านเราแต่ใหญ่โตกว่า ตัวตึกสร้างแบบสถาปัตยกรรม French Renaissance คือมี Dome และหอนาฬิกา ที่นี่มีความคับคั่งกว่ามากๆ วันหนึ่งๆมีรถไฟวิ่งเข้ามาที่สถานีมามายวันละ 1500 เที่ยว และยังเป็นจุดนัดพบที่เป็นที่นิยมด้วย

 
 
ตึกเค้าออกแบบได้เก๋ไก๋มากๆ

ถัดมาอีกแค่ถนนกั้นคือ St Paul’s Cathedral หนึ่งเดินมาถ่ายด้านหลังเพราะย้อนแสงค่ะ
 
 

มาดูอารมณ์ขำทะลึ่งของชาวออสซี่กันค่ะ เสานี้อยู่สูงมาก แต่ไม่พ้นสายตาเรา 555
 
 

เดินต่อไปอีกนิด เดินดูโบสถ์เก่าแก่ที่ตอนนี้ไม่อยากรู้ชื่อแล้วค่ะ เหนื่อยมาก เพราะการเดินไม่ใช่แนงราบอย่างเดียว มีขึ้นเนิน หรือที่ภาษาอังกฤษ=hills ภาษาใต้เรียก ควน นั่นแหละค่ะ เดินลงพอทำนำ ตอนเดินขึ้นก็ลิ้นห้อยเลยค่ะ ไม่สูงมากแค่พอเหนื่อย

เนินเล็กๆที่ว่า เห็นโบถส์เก่าแก่แทรกตัวอยู่ ตอนนี้เรายืนดูห่างๆแล้วค่ะ 555

เราเดินไปจุดสุดท้ายตามคำขอของหนึ่งเพราะเหนื่อยแล้ว หิวด้วย ขอไปหาอะไรกินได้ไหมจ้ะ
เรามาจบการเดินที่ ตึกรัฐสภาเก่าแก่แห่งนี้

อาหารมื้อเย็นเราไม่นาประทับใจเท่าไหร่ค่ะ ข้ามไปขนมเลยแล้วกัน อิอิ เจ้าเดิมค่ะ ไอติมน้ำแข็งใส วันนี้กินกล้วยค่ะ อร่อยมากๆ

ช่วงกลางคืนเราออกไปเดินเล่นดูไฟที่หน้าห้างบนถนน Elizabeth กัน

รูปนี้คุ้นตาไหมคะ เราเดินผ่านครั้งนึงแล้วตอนกลางวัน

หนึ่งจำไม่ได้ว่าหน้าห้าง Meyer หรือ David Jones ที่แสดงตุ๊กตาคริสมาต มีหลายหน้าต่างค่ะ มีคนไปมุงดูกันเยอะเลย แต่ที่หนึ่งประทับใจคืออันนี้ค่ะ
 
 
วันนี้เดินขาลาก ตอนต่อไปเป็นไฮไลท์ของทริปเลยค่า ขอบคุณที่มาเที่นวด้วยกันนะคะ
 
 

 
 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***