เที่ยวไปกินไปใน Iceland day 1; The Golden Circle & Friðheimar


เที่ยวไปกินไปใน Iceland day 1; The Golden Circle & Friðheimar ร้านอาหารในเรือนกระจกที่ทุกเมนูมีมะเขือเทศ
 
ทิ้งห่างจากสองเอนทรีก่อนนานมากสำหรับการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ของหนึ่ง ในที่สุดก็กลับมาเขียนต่อ 😉 หลังจากรู้จักไอซ์แลนด์แบบเรียลๆไม่กั้ก และการเตรียมตัว (เตรียมใจและทำใจ)ก่อนไปเที่ยวในเอนทรี 15 FACTS ABOUT ICELAND-15 สิ่งควรรู้ก่อนไปเที่ยวไอซ์แลนด์ และรู้จักอาหารน่ากินเมื่อไปเที่ยวที่นี่ในเอนทรี 12 Foods you can’t miss in Iceland ไปแล้ว วันนี้หนึ่งจะมารีวิวการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์แนวเที่ยวไปกินไป เพราะแค่เที่ยวยังำม่พอต้องพ่วงอาหารจานเด็ดและร้านที่เราชอบในทริปนี้ด้วย หลายคนอาจจะสงสัย จะกินอะไรที่ไอซ์แลนด์ ค่าครองชีพแพงซะขนาดนั้น น่า เรามาเที่ยวกันก็ควรเอาให้สุดๆ เพราะเราคงไม่ได้มา Iceland กันบ่อยๆ อีกอย่างตอนทำแผนเที่ยวรู้แล้วว่าต้องไปเจอสภาพอากาศที่ทึมๆ ครึ้มๆ เมฆดำเยอะๆ ซึ่งหนึ่งไม่ได้ชอบสภาพอากาศแบบนี้เท่าไหร่เพราะมันชวนให้หดหู่ สิ่งที่พอจะทำให้รู้สึกดีขึ้นและมีความสุขก็คือ “การกิน” นี่เอง และพอไปเที่ยวจริงๆ ต้องบอกเลยว่าสภาพอากาศแย่กว่าที่คิดไว้ ดีที่มีการกิน(อร่อย) และนอนสบายช่วยปลอบประโลมจิตใจ อิอิ

หนึ่งทำแผนว่าจะกินร้านอะไรพร้อมแผนเที่ยวเลย ซึ่งจริงๆแล้วไม่ยากเลยค่ะ ร้านที่เลือกกินเน้นอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวที่เราไป มาดูกันว่าวันแรกหนึ่งและเพื่อนๆไปเที่ยวที่ไหนและกินอะไรบ้าง

 
Day 1; Golden Ring & Friðheimar restaurant
 
เคยเกริ่นไปแล้วว่าการเที่ยวไอซ์แลนด์นั้นง่ายมาก มีรูทให้ชัดเจนเส้นหลักที่ขับรอบเกาะคือ Route 1 หรือ Ring road ส่วนใครจะขับเที่ยววนซ้ายหรือวนขวาของเกาะ หรือใครจะเที่ยวเฉพาะส่วนเหนือ ส่วนใต้แล้วแต่ชอบ สถานที่ท่องเที่ยวจะอยู่แนวถนน Route 1 หรือขับออกไปใกล้ไกลแล้วแต่สถานที่ ดังนั้น ทุกคนเที่ยวคล้ายกัน จะต่างกันที่ว่าไปฤดูไหน และอัดโปรแกรมเที่ยวมากน้อยไปมากไหน สำหรับทริปหนึ่งวางแผนเที่ยวรอบเกาะ (ไหนๆก็ไหนๆ) วางแผนไว้สวยหรูมาก ทำรูปไว้อย่างดีตามนี้
 

 
แต่…สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันช่างโหดร้าย ฝนตกหนักตั้งแต่ล้อเครื่องบินแตะสนามบิน Reykjavik วันรุ่งขึ้นอุตส่าห์สวดมนต์ไหว้พระแต่ก็ไม่เป็นผล ฝนตกทั้งวันทำให้เราไปเที่ยวได้แค่ Þingvellir National Park ท่ามกลางสายฝนและลมแรง(มากกกก) ก่อนจะตัดสินใจไปกินเลย(ละกัน)ที่ร้านอาหาร Friðheimar หลังท้องอิ่มก็แวะไปช้อปปิ้งที่ Kronan supermarket ที่เมือง Selfoss แล้วแวะเที่ยวน้ำตกสองแห่งระหว่างทางเพราะเป็นช่วงอากาศดี ก่อนจะไปจบที่ที่พักที่ Vik ทำอาหารกินเองและนอนฟังเสียงฝนที่กลับมาตกอีกครั้ง คราวนี้มาทั้งคืน!
 
แต่…(อีกรอบ)เพื่อความง่ายสำหรับท่านผู้อ่าน หนึ่งจะรีวิวตาม route และสถานที่เพื่อให้ง่ายสำหรับคนมาตามอ่านนะคะ เผื่อใครอยากวางแผนไปเที่ยวจะได้เห็นภาพ ในความเป็นจริงแล้วทีมเรากลับมาซ่อมน้ำตก Gullfoss และ Geyser วันก่อนวันเดินทางกลับ ซึ่งเป็นหนึ่งในสองวันที่แดดออกมากที่สุดของทริป (นับว่าธรรมชาติยังปราณีเรา)

สรุปเป็นรูปเส้นทาง (ที่ควรจะเป็น) ด้วยรูปจากกล้องหนึ่งและเพื่อนๆแบบนี้นะคะ
 

 
The Golden Circle เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้ความนิยมที่สุดของไอซ์แลนด์ เพราะอยู่ใกล้ Reykjavik มีระยะทางเบาๆวนครบลูปแค่ 240 กม สามารถขับเที่ยวเป็นลูปจาก Reykjavik ได้ใน 1 วันโดยไม่ต้องขับย้อนไปมา มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอยู่ 4 แห่งคือ Þingvellir National Park, Strokker Geysir น้ำตก Gullfoss และ kerið crater
 
Þingvellir National Park – เป็นสถานี่ที่มีความสำคัญทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและธรรมชาติ

ทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม — เป็น parliament หรือรัฐสภาแห่งแรกของประเทศไอซ์แลนด์ตั้งแต่ยุคผู้มาบุกเบิกตั้งหลักแหล่ง
ด้านธรรมชาติ — เป็นจุดที่เปลือกโลกสองทวีปมาจรดกัน (North American &Eurasian tectonic plates) น่าตื่นเต้นใช่ไหมคะ ให้ดูจากรูปใน wiki credit ภาพ Creative Commons ให้ดู Rift valley หรือจุดที่เปลือกโลกสองทวีปมาบรรจบกัน ที่เห็นเป็นร่องรูปตัว U ยาวๆ ส่วนลูกศรแดงคือจุดชมวิวและที่จอดรถ
 

 
สิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เห็น….เห็นรอยเปลือกโลกที่เป็นร่องด้านหน้าซ้ายไหมคะ อาคารขาวๆคือโบสถ์เก่าแก่ของที่นี่ นี่คือถ่ายจากจุดชมวิวตรงลูกศรแดง

 

 

 

 
อะไรกัน สถานที่สำคัญขนาดนี้ทำไมถ่ายรูปมาแค่นี้ ก็เพราะว่าฝนตก ลมแรงมากกกก อากาศเย็นมากด้วย เรียกว่าหนาวเลยละกัน ได้แค่หยิบมือถือขึ้นมาถ่าย แล้วรีบวิ่งกลับรถ กล้องตัวใหญ่ไม่อยากจะหยิบขึ้นมาให้เปียก ถ่ายรูปเสร็จรีบวิ่งกลับไปรอเพื่อนที่รถ งานนี้ไม่มีการรอกัน 555
 

 
ขับรถเที่ยวต่อด้วยสภาพอากาศแบบนี้
 

 
ถามว่าเรายังยิ้มได้ไหม…ยิ้มด้ายยยย(ก็มันเพิ่งวันแรก ฮ่า)
 

 
Strokkur Geyser – ด้วยความที่เป็นดินแดนแห่ง(ภูเขา)ไฟ ไอซ์แลนด์จึงมีน้ำพุร้อนไกเซอร์อยู่หลายแห่ง แต่ที่นี่นับว่าเป็นไกเซอร์ที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากที่สุดเพราะอยู่ใกล้ Reykjavik และประทุบ่อย ประมาณทุก 6-10 นาที

จริงๆเรากลับมาเที่ยวซ่อมวันสุดท้าย แต่เอามาใส่ให้ครบลูป จะได้ไม่งงนะคะ ตัวไกเซอร์อยู่ใกล้ถนนเลยค่ะ เดินไปนิดหน่อยก็เห็น ฝั่งตรงข้ามไกเซอร์เป็น Tourist center ขนาดใหญ่ มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกและห้องน้ำ คนเยอะมากจุดนี้ ลานจอดรถขนาดใหญ่ที่มีรถจอดเต็มตลอดเวลา (การันตีความปอบปูล่า ;))

ตัวไกเซอร์ไม่เล็กแต่ก็ไม่ได้ใหญ่มาก หรือการประทุไม่ได้สูงมาก แต่มันก็สนุกดีสำหรับการรอถ่ายรูปเวลาไกเซอร์ประทุ ^_^

 

 

Gullfoss จากไกเซอร์ขับรถต่อมาไม่ไกลมากก็เป็นน้ำตก Gullfoss น้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์และเป็นน้ำตกที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดด้วยเพราะอยู่ใน Golden circle ที่สุดแสนจะป้อบ ไอซ์แลนด์มีน้ำตกเยอะมาก แต่ส่วนตัวหนึ่งชอบน้ำตกนี้เพราะเป็น 1 ใน 2 น้ำตกที่ได้เราได้เห็นวันฟ้าเปิด อิอิ เป็นน้ำตกเดียวที่มีจุดชมวิว ทำรั้วกั้นแบบกิจลักษณะ (น้ำตกอื่นไม่มี)

น้ำตกมีลานจอดรถ 2 ที่ อยากจอดตรงไหนก็ได้ แต่ถ้าอยากช้อปด้วยแนะนำจอดด้านบน (ขับรถเข้าทางซ้าย) ส่วนจุดจอดทางขวาจะเล็กกว่าและอยู่ต่ำกว่า ไม่มีจุดขายของที่ะลึก จากที่จอดรถต้องเดินไปอีกนิดหน่อยก็ถึงตัวน้ำตก มีจุดชมวิวหลายจุด เดินดูได้ตามชอบเลยค่ะ ปล น้ำแรงมาก กระเด็นกระดอนให้กล้องแฉะได้ แต่ก็มีจุดน้ำไม่สาด ถ่ายรูปสนุกดีค่ะน้ำตกนี้

 


 


 

 


 


 

 

จบ Golden circle เพียงเท่านี้ จริงๆมี kerið crater ด้วย แต่ขับรถเลยแล้วขี้เกีจกลับรถมาเที่ยวอีกรอบ เลยปล่อยเลยตามเลย อิอิ

เที่ยวเสร็จแล้วมาหาอะไรอร่อยกินกัน ก่อนมาเที่ยวมีเพื่อนแนะนำว่าต้องมากินซุปมะเขือเทศร้านนี้ อร่อยมากๆ จัดไปค่ะ อยู่แถว Golden ring เลย จัดไป

Friðheimar – อย่าถามว่าอ่านว่าอะไรนะคะ ร้านนี้มีความพิเศษคือเป็นร้านอาหารในเรือนกระจกที่เป็นฟาร์มปลูกมะเขือเทศ อาหารของเค้าทุกเมนูไม่ว่าจะเป็นคาวหวาน เครื่องดื่ม มีมะเขือเทศเป็นส่วนผสม น่าสนใจใช่ไหมคะ ร้านนี้ได้คะแนนรีวิวใน TripAdvisor สูงมาก อย่ากระนั้นเลยเราต้องไปลองและไปให้เห็นกับตา

ร้านอยู่ห่างจาก Þingvellir National Park ประมาณ 1 ชม แต่ระหว่างทางช่างดูอ้างว้างจนนึกว่าหลงทาง ขับมาสักพักก็มาถึง ตัวร้านไม่ได้อยู่ติดถนนต้องขับรถเข้าไปอีกนิด จากที่ขับรถอย่างอ้างว้างแทบไม่เห็นใครพอมาถึงรถที่จอดรถของร้าน โอ้โห รถและนักท่องเที่ยวทั้งหลายมารวมตัวกันที่นี่เอง!

หน้าร้านเรียบง่ายแบบนี้เลย แอบเห็นสวนมะเขือเทศอยู่ข้างในด้วย
 

 
พอเปิดประตูเข้าไป ว้าวเลย….คือร้านไม่ได้แต่งแอ้บแบ๊วหรือทำมุมเก๋ๆ ทุกอย่างดูตามธรรมชาติ แต่อารมณ์อากาศหนาวเย็นแห้งแล้งข้างนอกพอเดินเข้าเรือนกระจกแล้วมันอุ่น มันเขียวสดใสขากต้นไม้ อารมณ์เหมือนอยู่ในทะเลทรายแล้วเจอโอเอซิสเลย
 
ด้านหน้าของร้านเป็นบุฟเฟท์แต่เราไม่ได้จองมาค่ะ…อด >_<  
 
โต๊ะอาหารโซนที่ไม่ใช่บุฟเฟท์ อยู่ด้านในเข้ามา ชอบการใช้กระถางต้นเบซิลมาตกแต่งโต๊ะอาหาร ให้อารมณ์ farm to table มากๆ เห็นโต๊ะว่างๆแบบนี้ จองเต็มหมดแล้ว อดอีกเช่นกัน
 

 

 
ไม่มีโต๊ะให้นั่งแต่ยังมีทางเลือกอื่นคือสั่งแล้วนั่งกินโซนบาร์เล็กๆ มีเก้าอี้ไม่กี่ตัว อาหารเป็นแบบง่ายๆ ที่ขาดไม่ได้คือซุปมะเขือเทศและเครื่องดื่มต่างๆ ที่ทำจากน้ำมะเขือเทศ อ้อ มีขนมด้วย ราคาก็ตามป้ายเลยค่ะ เป็นราคาของร้านอาหารในประเทศนี้ (เอาสามหารจะได้เป็นเงินบาทแบบคร่าวๆ)
 

 

 
เพื่อนแนะนำมาว่าต้องชิม งานนี้ไม่พลาดค่ะ ซุปมะเขือเทศ มาพร้อมขนมปัง 1 ท่อน (ใหญ่) ที่เราสามารถเลือกได้ว่าอยากได้แบบไหน หนึ่งเลือกแบบมีเมล็ดแปะๆ เนื้อขนมปังจะนุ่มแต่แน่น กินกับซุปมะเขือเทศที่ต้องบอกว่า เป็นซุปมะเขือเทศที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมา รสจะกลมกล่อมมาก มีเปรี้ยวนิดๆ ซดกินแบบอุ่นสบายท้องมาก ได้ขนมปังแกล้มไปด้วย ถ้วยนี้อิ่มจนจุกเลยค่ะ
 

 
เราสั่ง cheesecake, tomato ice cream และ tomato & apple pie ขอบอกว่าสั่งเลย อร่อยทุกอย่าง กินเข้าไปยังไม่รู้เลยว่ามีมะเขือเทศ อร่อยค่ะ
 

 
สั่งเครื่องดื่มด้วยค่ะ แต่ลืมตัวไปสั่ง Virgin Marry ทั้งสองแก้ว Lกฮ แรงมาก 2 แก้ว 8 คนจิบคนละนิดแล้วเลิก สุดท้ายไม่หมด
 

 
กินไปชมสวนมะเขือเทศไป จริงๆ มันไม่มีอะไรมาก แต่ถ้าใครมาเที่ยวประเทศนี้จะเข้าใจว่าอากาศเย็นๆ มองไม่เห็นต้นไม้พอมาเจออะไรแบบนี้มันดีต่อใจมาก

 

 

 
ส่วนตัวชอบและแนะนำให้ไปนะคะ อาจจะมีนักท่องเที่ยวเยอะไปสักหน่อย แต่สถานที่และอาหารเค้าใช้ได้เลย จริงๆเค้ามีเลี้ยงผึ้งและโชว์ม้าด้วย ถ้าใครสนใจกิจกรรมอะไร ไม่ว่าจะเป็นอาหารแบบบุฟเฟท์ หรือแบบ a la carte หรืออยากไปชมกิจกรรมอื่นๆ แนะนำให้จองไปก่อนที่นี่ http://fridheimar.is/en แต่ถ้าใคร walk in เข้าไปก็ยังได้ชิมซุปมะเขือเทศนะ แต่อาจจะต้องยืนกิน กินไปเดินดูสวนมะเขือเทศไป ก็เก๋อยู่นะ ^_^

 

หลังจากนี้เราออกจาก Golden circle ขับรถลงใต้เพื่อไปพักเมือง Vik ระหว่างทางอากาศเดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวฝนตกตลอดทาง เราได้แวะเที่ยวน้ำตกอีก 2 จุดตามแผนซึ่งโชคดีมากที่ตอนที่แวะน้ำตกทั้งสองจุดฝนไม่ตก

 
Seljalandsfoss – เป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้ถนน Route 1 มากๆ ขับรถมามองเห็นน้ำตกแต่ไกล แต่ ถนนทางเข้าขรุขระมักๆ เช่นกัน ที่จอดจุดนี้ต้องจ่ายเงินค่าค่าจอดนะคะ หยอดเหรียญอัตโนมัติ เพิ่งเริ่มเกิดไม่นานมานี้ เห็นว่าจะนำเงินมาทำห้องน้ำบริการนักท่องเที่ยว เป็นสถานที่แห่งเดียวที่ต้องจ่ายค่าที่จอดรถ

มุมจากที่จอดรถ แดดออกด้วย ดีใจมากๆ

 

 

ถ้าเสิร์ชดูรูปในอินเตอเน็ตจะบพว่า Seljalandsfoss เป็นน้ำตกที่สวยงามมาก ความพิเศษของมันคือมีเทรลให้เดินไปด้านหลังน้ำตกเพื่อถ่ายรูปม่านน้ำจากด้านหลัง

นี่คือรูปที่หนึ่งเก็บภาพมาได้ ฮัลโหล ของจริงค่า มันเป็นน้ำตกเดียวกันกับที่เทพทั้งหลายถ่ายมาสวยๆนั่นแหละค่ะ ภาพจริง ไม่มีฟิลเตอรใดๆ ไม่แต่งภาพเพิ่ม ลงทุนเดินเข้าไปเก็บภาพหลังน้ำตก งานนี้เปียกทั้งคนทั้งกล้องเลยค่ะ ถามว่าคุ้มไหม ดูรูปแทนแล้วกันนะคะ 😉
 

 
Skógafoss – น้ำตกแห่งสุดท้ายของวันก่อนเข้าที่พัก จริงๆเรามาถึงเย็นมากแล้ว แต่ด้วยความที่พระอาทิตย์ตกช้ามาก เลยถือว่าเป็นกำไรของพวกเราเพราะเป็นช่วงที่อากาศดีพอดี เป็นน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลจากถนนหลัก (route 1) น้ำตกไหลแรงมาก คนไอซแลนด์เชื่อว่าหลังน้ำตกมีถ้ำที่เก็บซ่อนสมบัติของคนโบราณไว้ แต่ด้วยความแรงของน้ำตก ยังไม่เคยมีใครเข้าไปสำรวจได้

ข้างๆน้ำตกที่เป็นเนินเข้าีทางเดินขึ้นไป เป็นเทรลให้เดินค่ะ เดี๋ยวเราไปเดินสำรวจกัน
 

 
ถ่ายรูปกับน้ำตกนิดนึง หนึ่งไม่ได้เข้าไปใกล้มาก เพราะน้ำกระเด็นแรงมาก จากน้ำตกที่แล้วกล้องยังชื้นอยู่เลย >_<  
 
เดินขึ้นไปดูกันว่าข้างบนน้ำตกมีอะไร เดินขึ้นมานี่ถึงกับหอบเลยค่ะ เหนื่อย สูงชันใช้ได้เลย
 

 
ขึ้นมาถึงแล้วมีอะไร…ไม่ค่อยมีอะไรค่ะ 555 เป็นวิวอ้างว้างๆ จริงๆ มีเทรลให้เดินต่อแต่พอดีกว่า
 

 

 
หมดโปรแกรมเที่ยวของวันนี้ ขับรถไปเมือง Vik เพื่อไปพักที่นั่น ระหว่างทางเจอนักท่องเที่ยวจอดรถถ่ายรูปกับม้า เราเลยลงไปถ่ายบ้าง น้องม้าเป็นสายพันธุ์โบราณดั้งเดิม เชื่องมาก อยากรู้อยากเห็นสุดๆ เห็นคนนี่เดินมาหาเลย
 

 

 

 
พอถึงที่พักฝนตกลงมาอีก เราทำอาหารเย็นกินกันเอง และพักผ่อน ไม่มีลุ้นเห็นแสงเหนือเลยเพราะฝนตกทั้งคืน ตอนต่อไปจะพาเที่ยวเมือง Vik และรอบๆ ทางตอนใต้ของประเทศ และกิน langoustine หรือ Icelandic lobster อันเลื่องชื่อที่เมือง Höfn ตามไปเที่ยวต่อได้ ที่นี่

 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***

adrenalinerush
About me

Deeply in love with traveling, cooking and baking. Also love to write and like to share. Join me in traveling and kitchen adventures!

YOU MIGHT ALSO LIKE

เที่ยวไปกินไปใน ICELAND DAY 4; Mývatn area เดินปล่องภูเขาไฟ แช่น้ำแร่ และดินเนอร์อร่อยในโรงเลี้ยงวัว
February 06, 2019
เที่ยวไปกินไปใน Iceland day 3; ทักทาย East Iceland ที่เมือง Egilsstaðir & Seyðisfjörður
September 12, 2018
เที่ยวไปกินไปใน Iceland day 2; From Vik to Höfn และล็อบสเตอร์อร่อยร้าน Pakkhús
August 10, 2018
Iceland
12 Foods you can’t miss in Iceland
December 08, 2017
15 Facts about Iceland-15 สิ่งควรรู้ก่อนไปเที่ยวไอซ์แลนด์
15 Facts about Iceland-15 สิ่งควรรู้ก่อนไปเที่ยวไอซ์แลนด์
November 17, 2017

2 Comments

FUFY
Reply August 9, 2018

รอชมแสงเหนือนะคร้า ^_^

Kanittha Chuenjumnong
Reply March 29, 2022

ขอบคุณนะคะ ทำไดอารี่ดี ๆ ชอบมากค่ะ กำลังจะไป ICELAND รอบ 2 แต่รอบที่แล้ว ทานร้านอาหารแค่วันเดียว รอบนี้จะตามรีวิวเลยค่ะ ชอบแพลนการเดินทางทำไดอารี่ได้ละเอียดมากค่ะ
ชอบการทำขนมปังด้วย ไว้ทยอยอ่าน
ขอบคุณภาพสวย ๆ การเขียนชวนอ่าน ขอติดตามนะคะ :)

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *