San Francisco
มาดูกันคร่าวๆว่าเมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวนะคะ
source
ที่เที่ยวไม่ได้อยู่ใกล้กันแบบนี้หรอกค่ะ แต่รูปเค้าวาดน่ารักดี ^_^ หนึ่งเที่ยวไม่ครบหรอคะ มีหลายจุดที่พลาดไป แอบเสียดายเหมือนกัน
เอาล่ะ มาเที่ยวกัน หนึ่งเดินทางไปถึงซานฟรานตอนเย็น เริ่มเที่ยวเช้าวันรุ่งขึ้นเลยค่ะ ตื่นเช้ามาอากาศดี๊ดี โรงแรมที่เราพักมีอาหารเช้าให้ แต่เป็นอาหารเช้าแบบง่ายๆ โบเกิรตกับขนมปัง เนย กินกันตายก่อนออกเดินเที่ยว
ออกเดินกันแต่เช้าเลยมุ่งหน้าไป Lombard St เราแค่เดินตรงไปเรื่อยๆก็ถึงแล้ว ระยะทางไม่ไกลไม่ไกล 1 กิโลเมตร เบาๆ อิอิ
ซานฟรานเป็นเมืองที่มีลักษณะะเป็นเนินเตี้ยๆ หลายๆเนินสลับกันทำให้เห็นถนนสูงๆต่ำๆไปด้วย เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองนี้
สาหรับ Lombard Street หนึ่งขอเรียกขำๆว่าถนนลำบาก อิอิ ถนนเส้นนี้เป็นถนนตัดผ่านตะวันออก-ตะวันตก ของซานฟราน แต่มีจุดที่โด่งดังเป็นจุกที่นักท่องเที่ยวต้องแวะไปคือจุดตรง Russian Hill เพราะเป็นช่วงที่ถนนโค้งแบบหักมุมแหลมปี้ด 8 โค้ง แถมยังถูกตกแต่งด้วยดอกไม้งามแลดูสวยงาม
ก่อนถึงจุดถนนหักศอก มองไปทางซ้ายเห็น Alcatraz ก่อน เก่าที่เห็นลิบๆนั่นไง ^_^
Alcatraz ส่องจากเนิน Russian Hill สถานที่แห่งนี้เป็นประภาคารแห่งแรกของ Western USA และเคยเป็นคุก (1934-1963) เคยคุมขังนักโทษชื่อดังเช่น Al Capone แต่คุกถูกปิดตัวลงในปี 1963 เนื่องจากค่าบริหารจัดการที่แพงกว่าคุกอื่นๆและถูกประท้วงเนื่องจากปล่อยของเสียลงอ่าว ทำเกิดมลภาวะ แต่ปัจจุบัน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถซื้อทัวร์เพื่อเข้าชมคุกเก่าแห่งนี้ได้ แต่เราพอใจที่จะดูห่างๆแบบนี้ค่ะ อิอิ เอาเลนส์ส่องจากไกลๆ
จุุดนี้มีรถรางวิ่งด้วยค่ะ สาย Powell-Hyde St รถรางแบบนี้นักท่องเที่ยวนิยมชึ้นเพื่อชมเมืองซานฟราน ดูน่ารักดีนะคะ ^_^
จากจุด Russian Hill ด้านหน้านี้คือถนนโค้งอันโด่งดังที่นักท่องเที่ยวต้องมา ถ้ามองไปไกลๆด้านหน้าจะเห็น Coit Tower ที่อยู่บน Telegraph Hill ลิบๆ เราจะเดินต่อไปที่นั่นค่ะ เราเดินไปจริงค่ะ ดูเหมือนไกลเนอะ แต่เดินได้สวยๆ 😉
เดินลงถนนลำบากกันค่ะ มุมโค้งหักสุดๆ เราไม่ได้เดินตรงถนนเลยนะคะ มีไหล่ทางให้เดิน เค้าจัดสวนไว้รอบถนน ติดทางเดินถนนเป็นที่พักอาศัยที่ดูน่ารักๆ ดูชิลๆ สวยงามดี ส่วนถนนรถสามารถวิ่งได้ แต่เป็น one way คือวิ่งลงได้อย่างเดียว
พยายามถ่ายรูปมาให้สวยเหมือนรูปในอินเตอร์เน็ตแต่ออกมาได้แค่นี้ ถ่ายจากมุมเงย มองไม่ค่อยเห็นถนนเลย – -”
รูปนี้พอได้เนอะ
ดินต่อไป Coit Tower เราเดินไปเรื่อยๆ ไม่รีบค่ะ การเดินทำให้ได้สังเกตอะไรรอบๆตัวได้มากขึ้นด้วย จำได้ว่าระหว่างเดินมีหนุ่งซานฟรานหน้าตาดี (กรี้ดดดด) มาขายขนมจีบให้ด้วยยยย แม้จะหล่อมากแต่ต้องตัดใจ เดินจากมา 555
บ้านหรืออาคารที่พักของเมืองนี้น่ารักค่ะ ตัวบ้านจะลดหลั่นกันไปเพราะถนนเมืองนี้เดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ ตัวตึกเค้าสวยดีนะคะ อารมณ์ตึกแบบนี้เฉพาะตัวเจอได้แถบซานฟราน ซีแอทเทิล
แวะโบสถ์ Church of Saints Peter and Paul นิดนึง พักหน่อยค่ะ โบสถ์นี้อยู่ใกล้ Coit Tower
ขึ้นไป Coit Tower กันค่ะ เนื่องจากอยู่บนเนินเขา (Telegraph Hill) เราเดินตามทางเดินสำหรับเดินเท้าขึ้นไป แอบเหนื่อยเหมือนกันนะคะ ถ้าขับรถคงปรู้ดเดียวถึง แม้จะใช้เวลาเดินไม่มากแต่ทำเอาลิ้นห้อยเหมือนกัน
ในที่สุดก็มาถึงแล้ววว
Coit Tower สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึง Lillie Hitchcock Coit มหาเศรษฐีสตรี ในยุคนั้นเธอมีความล้ำ มีบุคลิกภาพโดดเด่น ใส่กางเกง (ในยุคนั้นผู้หญิงยังไม่มีใครใส่กางเกงกัน) รักความท้าทายและเป็นหนึ่งในอาสาสมัครดับเพลิงของเมือง เพราะยุคนั้นยังไม่มีหน่วยดับเพลิง ก่อนเสียชีวิตเธอได้มอบสำบัติบางส่วนให้เมืองซานฟราน รวมทั้งเนินเขาแห่งนี้ด้วย
ตอนหนึ่งไปถึง ไม่ค่อยอินกับที่นี่เท่าไหร่ ถ้าจะขึ้นชมวิวจากหอคอยต้องจ่ายเงินเพิ่ม หนึ่งขี้เกียจขึ้นไป แอบงก 555 หิวด้วย เลยตัดสินใจเดินไป China Town ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน หาอะไรหม่ำดีกว่า
ถึงแล้วววว ทางเข้าแบบนี้ไม่หลงแน่นอน ไชน่าทาวน์ที่นี่ถือเป็นไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดนอกเอเชีย
เราเดินอยู่ในนี้นานพอสมควรค่ะ ทานอาหารเที่ยงและช้อปปิ้ง กินอาหารจีนกับไอติมในร้านใดๆ ไม่ได้ถ่ายรูปเลย เพราะแอบเกรงใจคนแถวนั้น แต่ร้านเยอะมากกก ทั้งร้านอาหารและร้านขายของ หนึ่งได้เสื้อตัวละ 5 USD ที่นี่ด้วย ถูกมากกกก
ไปเที่ยวกันต่อค่ะ ใกล้ๆ China Town Union Square แหล่งช้อปขนาดใหญ่ บริเวณนี้นอกจากจะมีร้านช้อปมากมาย ยังมีมีห้างขนาดใหญ่ทั้ง Mercy Nordstrom แต่หนึ่งไม่เน้นไม่เน้นช้อปปิ้ง แต่ร้านแถวนี้ดูเก๋ๆดี
เก็บมาภาพเดียวเอง หน้าร้านขายของเก่า
หลังจากนี้เราจะพักการเดินเป็นขึ้นรถรางแทน ไหนๆก็มาเที่ยวแล้ว เอาซักหน่อย
Cable Cars หรือรถรางที่ซานฟรานถือเป็นประวัติศาสตร์ที่วิ่งได้ โดยเปิดใช้ครั้งแรกปี 1978 ปัจจุบันยังให้บริการ แต่เพื่อการท่องเที่ยวมากกว่าการใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะปัจจุบันมีรถรางไฟฟ้าที่ใช้เพื่อการคมนาคมจริงๆ มีทั้งหมด 3 สาย เที่ยวเดียว 5 เหรียญ หรือจะซื้อแบบ day pass 14 USD นั่งสายไหนก็ได้ทั้งวัน แต่ละสายผ่านจุดต่างๆ สามารถเลือกได้เลยค่ะ อยากไปสายไหน
California Street (1.4 ไมล์)
Powell-Hyde(2.1 ไมล์)
Powell-Mason(1.6 ไมล์)
ขึ้นมาบนรถรางแล้วจ่ายเงินกับคนขับเลย จุดขึ้นจะมีเป็นจุดๆคล้ายๆป้ายรถเมล์ เราเลือกสายที่จะเดินกลับไปโรงแรมได้
สนุกดีค่ะ รถดูคลาสสิค
หลังจากนี้เดินกลับโรงแรมเพื่อไปเอารถขับไปเที่ยว Golden Gate Bridge เพราะอยู่ไกลและเดินไปไม่ถึง แต่การขับรถก็ตื่นเต้นไม่น้อยนะคะเพราะเป็นเมืองแรกๆที่หนึ่งเริ่มเที่ยวในเมกา พวงมาลัยสลับกับบ้านเรา ทุกอย่างกลัลบด้านหมด และต้องคอยระวังคนเดินเพราะคนที่นี่ซีเรียสมากว่ารถต้องดูคน ถ้ามีคนข้ามถนนบนทางข้ามต้องจอดรถแบบหยุดสนิท แถวมาปวดหัวเรื่องรถรางอีก แต่เราก็มั่วๆ กันไปจนไปถึงด้วย GPS (กรี้ดกันไปหลายรอบ) จอดรถที่ Crissy Field
Crissy Field เคยเป็นฐานทัพอากาศเก่า ปัจจุบันเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและถือเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของเมือง ด้านหลังเห็นสะพานไหมคะ
เดินเข้าไปใกล้สะพานอีกนิดเห็นรถโบราณแบบนี้ เพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
วิวสะพานจาก Fort Point ใกล้ๆ Crissy Field สวยงามมากก
เดินสูงขึ้นมาเรื่อยๆ เหนือ Fort Point
เดินเล่นบนสะพานกันค่ะ พอมาเดินแล้วรู้สึกว่าใหญ่โตและแข็งแรงมากๆ
มาเที่ยวจริงน้าาาา มีหลักฐาน 😉
พอพระอาทิตย์ตก เราก็ออกไปหาอาหารทาน ตัดสินใจไป Pier 39 ทานอาหารทะเลที่ Bubba Gump อีกแล้ว เราไป ตค บรรยากาศเงียบเหงาจริงๆ อาจจะเป็นเราะเราไปค่ำมากๆแล้ว
ปิดท้ายวันด้วยร้านนี้ Bubba Gump
จบวันแล้วรู้สึกปวดขานิดหน่อยเพราะเดินเยอะมากกก มีสถานที่ที่อยากไปแต่ไม่ได้อีกหลายจุด เช่น Painted ladies, Palace of Fine Arts Theater กินไอศครีมที่ร้าน Swensen’s ร้านแรก แอบเสียดายเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรค่ะ เที่ยวชิลๆ มีโอกาสค่อยมาเก็บตกใหม่
ขอบคุณที่มาเที่ยวด้วยกันค่ะ ^_^
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
FUFY
June 13, 2016รำลึกอดีต ^_^