เที่ยวไปกินไปใน ICELAND DAY 4; Mývatn area เดินปล่องภูเขาไฟ แช่น้ำแร่ และดินเนอร์อร่อยในโรงเลี้ยงวัว


เที่ยวไปกินไปใน ICELAND DAY 4; Mývatn area เดินปล่องภูเขาไฟ แช่น้ำแร่ และดินเนอร์อร่อยในคอกวัว

จากบล็อกเอ็นทรีที่แล้ว ฝั่งตะวันออกของไอซ์แลนด์ต้อนเราเราด้วยสายฝนอย่างชุ่มฉ่ำ ตกกระหน่ำไม่หยุด ทำให้เราไม่ได้เที่ยวตามแผน แต่เราก็แก้แกมด้วยการเดินช้อปปิ้งอาหารในซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ และพักผ่อนชิว แช่น้ำอุ่นชมวิววอันสวยงามที่ที่พัก อยากรู้ว่าเราฟินกันแค่ไหนตามไปอ่านได้ ที่นี่ มาถึงวันที่ 4 ของการเดินทางแล้ว เรายังมีความหวังจะได้เห็นแสงเหนืออยู่ และเราหวังจะได้เที่ยว (บ้าง) ไม่อยากเจอฝนอีก

สำหรับวันนี้เราขับรถขึ้นไปเที่ยวตะวันออกเฉียงเหนือ ปักหมุดที่ Mývatn area แถบนี้เป็นแถบภูเขาไฟชุกชุม (จริงๆประเทศนี้ก็มีแต่ภูเขาไฟนั่นแหละ แต่แถบนี้ชุกชุมเป็นพิเศษ) โซนนี้เป็นที่รกร้างที่เรียกว่า volcanic desert เสียเยอะ ไม่เขียวชะอุ่มมอสแบบทางตอนล่าง สถานที่เที่ยวทั้งหลายก็เกี่ยวเนื่องมาจากภูเขาไฟนี่เอง วันนี้ถือเป็นวันที่เราค่อนข้างแฮปปี้มาก เพราะพอขึ้นมาทางเหนือฝนหยุดค่ะคุณ แม้จะไม่มีแดดออก แต่แค่ฝนไม่ตกก็ดีใจมากแล้ว เราได้เที่ยวกันเยอะมาก ตามแผนที่วางไว้ ช่วงเย็นได้ไปแช่น้ำอุ่นผ่อนคลายความเมื่อยที่บ่อน้ำแร่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ภูเขาไฟที่สวยงาม ตบท้ายด้วยดินเนอร์สุดเก๋ในโรงเลี้ยงวัว!! พูดเป็นเล่นไป ร้านนี้ได้รีวิวอันดับหนึ่งสำหรับร้านอาหารในแถบนี้จาก TripAdvisor ด้วยนะ เราเที่ยว เรากินกันที่ไหน ตามมาชมกันค่ะ
 

 

 
มื้อเช้าก่อนอำลาเมืองตะวันออก ขอบอกว่าตื่นมาฝนยังไม่หยุดเลยค่ะคุณ อาหารเช้าเบาๆ ไม่มีอะไรมาก แค่เบคอน ไข่คน scallops สลัด ทำเองหมด มันก็จะฟินๆนิดนึง ถูกกว่าไปกินที่ร้าน 3 เท่า อยากกินอะไรก็ได้กิน ไม่ต้องเขียม
 


 
หอยเชลล์ซื้อมาทำกินทุกมื้อที่ทำกินเองเลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าถูก เป้นแบบแช่ฟรีซ เอามาละลายทำกินเองง่าย จี่ๆบนกระกระทะให้สุกก็อร่อยแล้ว เนื้อหวาน หอม อร่อยสุดๆ
 

 

แผนช่วงเช้าของเราคือไปเที่ยวน้ำตก Dettifoss ซึ่งห่างออกไป 186 กม การเดินทางคือวิ่งตาม route 1 ไปเรื่อยจนถึง Jökulsá á Fjöllum จะมีทางแยกให้เลี้ยวเข้าเส้น 864 (Hólsfjallavegur) วิ่งเข้าไป 31.9 กิโลเมตรก็ถึงแล้ว ฟังดูง่ายเนอะ อิอิ แต่ความจริงคือ ระยะทางเกือบตลอด 31 กิโลเมตรเป็นทางลูกรัง ขับเร็วไม่ได้ เป็นถนนเส้นที่ดูอ้างว้างมากจริงๆ จนแอบสงสัยว่ามันจะมีน้ำตกรอเราอยู่จริงไหม เพราะมันดูแห้งแล้งมาก ต้นไม้ใบหญ้าไม่มีสักต้น ถนนเส้นนี้จะปิดช่วงหน้าหนาวและเปิดอีกครั้งปลายเดือนพฤษภาคมนะคะ
 


 

 

ขับไปเรื่อยๆก็มาถึงค่ะ อยู่ดีๆก็จะมีป้ายที่จอดรถแบบนี้ ดีใจ เห็นเพื่อนแล้ว ไม่อ้างว้างอีกต่อไป อิอิ
 

 
ที่จอดรถมองเห็นน้ำตกอยู่ปู้นนนน เดินต่อประมาณ 7-800 เมตรได้

 

ทางเดินก็จะประมาณนี้ เห็นอย่างนี้ลมแรงมากๆ เพราะเป็นที่โล่งๆ ไม่มีต้นไม้ใหญ่ ลมมาก็ปะทะตัวเราเลยโดยตรง เย็นมากกกก

 

 
จุดชมวิวจุดแรก เห็นน้ำตกจากระยะไกลแต่ความรุนแรงของเสียงน้ำตกดังมาถึงนี่เลย รูปเบลอๆนิดนึงนะคะ แบบว่าลมแรงและเย็นมาก มือกดชัตเตอร์ไป สั่นไปด้วย
 

 

 

ถึงตัวน้ำตกแล้วค่ะ Dettifoss เป็นน้ำตกที่มีปริมาตรน้ำมากที่สุดในยุโรป พลังน้ำตกรุนแรงจริงๆ ที่เด็ดคือไม่มีอะไรกั้นทั้งนั้น นักท่องเที่ยวทั้งหลายก็ดูแลตัวเองไปนะจ้ะ แต่ละคนก็หากลัวไม่ สรรหาวิธีเพื่อให้ได้รูปสวยๆมา

 

 

รูปน้ำตกจากฝีมือกล้องธรรมดาๆก็จะประมาณนี้ อิอิ แต่นี่คือภาพจริงที่เราด้วยตานะคะ ภาพสวยๆที่ช่างเทพและกล้องเทพถ่ายมาก็จะเป็นอีกแบบที่เสริมอุปกรณ์เพียบ

 

 

 
จริงแล้วมีเทรลให้เดินอ้อมไปอีกฝั่งของน้ำตกได้ แต่พวกเราแอบขี้เกียจ แค่นี้เราก็โอเคแล้วล่ะ mission completed แล้วสำหรับ Dettifoss
 

 

 

 
ขับรถไปเที่ยวต่อค่ะ เส้นทางเป็น volcanic dessert เป็นพื้นที่แห้งแล้ง ว่างเปล่า แทบไม่มีบ้านคนหรือสัว์เลี้ยงเหมือนทางตอนใต้ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นภูเขาไฟแล้วพื้นที่โล่งๆที่ดูแปลกตา ช่วงนี้ลมแรงมากกกกกกกก มากจนคิดว่าถ้าเด็กหรือคนผอมๆ น่าจะปลิวได้เลย เวลาขับรถต้องจับพวงมาลัยให้มั่น รู้สึกได้ถึงแรงลมที่มาปะทะรถ
 

 
Krafla geothermal power plant ชื่อ Krafla เป็นชื่อภูเขาไฟที่อยู่ในแถบนี้และปะทุไปหลายครั้งแล้ว นับได้ 29 ครั้งแล้วตั้งแต่มีบันทึกมา ถือว่าแอคทีฟมาก ชาวไอซ์แลนด์เปลี่ยนความน่ากลัวให้มาเป็นประโยชน์โดยใช้ความร้อนใต้เปลือกโลกของแถบนี้มาผลิตพลังงานไฟฟ้าเสียเลย Krafla geothermal power plant เป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์
 

 
Krafla Viti Crater viti แปลว่า hell หรือ นรก ในไอซ์แลนด์มี viti crater หลายแห่ง สำหรับ Krafla Viti Crater อยู่ใกล้กับโรงงานผลิตไฟฟ้าเลยค่ะ ห่างกันแค่นิดเดียว ขึ้นชื่อเรื่องน้ำในทะเลสาบสีเขียวสวย น้ำสีสวยจริงค่ะ แต่….ลมแรงมากกกก จนกลัวว่าจะปลิวตกลงไป เพื่อนในทีมเราคนนึงเกือบถอดใจไม่ลงมาถ่ายรูปเพราะสู้แรงลมไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ต้องมาเพราะสู้แรงยุจากเพื่อนไม่ไหว อิอิ
 

 

 
โปรดสังเกตผมฟูฟี
 

 
ลมจะแรงแค่ไหนเราก็ถ่ายรูปสนุกค่ะ อิอิ
 

 
Hverir เป็น geothermal area ที่มีโคลนเดือด เที่ยวง่ายมากเพราะอยู่ติดกับถนนเส้น 1 และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องแวะ เห็นแล้วคิดถึงที่ Yellowstone National Park ของ USA ซึ่งหนึ่งว่าที่เมกาสวยกว่า แหะๆ กลับมาที่ไอซ์แลนด์ จอดรถแล้วต้องเดินลงไปต่ออีกนิดหน่อย จริงๆ พื้นที่ตรงนี้ไม่ใหญ่มาก เดินแป้บๆก็ครบแล้ว กลิ่นกำมะถันแรงใช้ได้เลยค่า

 

 

 
เวลายังเหลือก่อนไปแช่น้ำแร่ เราตัดสินใจไปเดินขึ้นปล่องภูเขาไฟ Hverfjall volcano เป็นเครเตอร์ที่รูปร่างเกือบเป็นวงกลม และสามารถเทรครอบๆได้ เดินทางก็ง่ายทำให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเทรคกิ้งนิยมมาที่นี่ จริงๆแล้วคณะเราไม่ได้ชอบการเทรคกิ้งเท่าไหร่ แต่อย่างที่บอกค่ะว่ามาถึงแล้ว มีเวลาพอเราก็ต้องไปกัน ทางเข้าเป็นทางลูกรังที่รถธรรมดาเข้าไหวค่ะ ขับไปถึงจะมีจุดให้จอดรถและห้องน้ำ (ที่ต้องจ่ายเงิน) แล้วจุดเริ่มก็อยู่ใกล้ๆเลย เดินขึ้นเครเตอร์ระยะทางไม่ไกลมากค่ะ ประมาณ 1 กม แต่ลมแรงและเหนื่อยพอดูเลยสำหรับป้าๆลุงๆ ที่ไม่ค่อยฟิตอย่างเรา

เริ่มเดินกันค่ะ ตอนขึ้นจะมีอาการลิ้นห้อยนิดนึง
 
iceland
 
เห็นลานจอดรถและห้องน้ำด้านล่างไหมคะ
iceland
 
วิว Myvatn Lake ถ่ายระหว่างเดินขึ้นไปปล่องภูเขาไฟ จริงๆคือแอบพักเหนื่อยค่ะ อิอิ
 

 
มาถึงแล้วค่า ถามว่าสวยไหม ดุจากภาพได้ ความสำคัญมันอาจจะไม่ใช่ความสวยงามของวิวแต่อยู่ที่เราสามารถทำได้มากกว่าเนอะ ออกกำลังกันเบาๆ
 

 

 
และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของวันนี้ ไปแช่น้ำร้อนกันค่ะ เวลาพูดถึงการแช่น้ำร้อนในไอซ์แลนด์ทุกคนจะคิดถึง Blue Lagoon ที่อยู่ใกล้ Reykjavik และนักท่องเที่ยวนิยมไปกันมาก แต่จริงๆแล้วไอซ์แลนด์มีจุดให้แช่น้ำร้อนหลายจุดให้เลือก และถ้ามาทางตอนเหนือก็ต้องที่นี่เลยค่ะ Myvatn Nature Baths

Myvatn Nature Baths ตัวบ่อน้ำเป็นบ่อขุดฝีมือคน ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่น้ำ เป็นน้ำแร่ธรรมชาติที่ถูกส่งมาจากบ่อขุดธรรมชาติ (ที่บลูลากูนก็เช่นกัน) น้ำมีสีฟ้าอ่อนๆ ขุ่นๆหน่อย อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และมีฤทธิ์เป็นด่าง อุณหภูมิกำลังดีเลยคือประมาณ 40 C นอกจากนี้ยังมีห้อง steam baths คล้ายๆห้องอบซาวน่าซึ่งไอน้ำจะร้อนกว่าคือประมาณ 50 C เอาไว้สลับกับการแช่น้ำเผื่อใครต้องความอุ่นมากขึ้นไปอีก ข้อดีของที่นี่คือขนาดไม่ใหญ่มากและนักท่องเที่ยวไม่เยอะจัดเหมือนที่บลูลากูน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย นอกจากนี้ที่นี่ยังอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ขณะแช่น้ำก็สามารถชื่ชมความงามของทะเลสาบ Myvatn ไปด้วยได้

การแช่น้ำร้อนของที่นี่คล้ายๆกับการแช่ออนเซ็นเลยค่ะ เมื่อเข้าไปแล้วมีล็อกเกอร์ให้ มีห้องอาบน้ำที่เป็นห้องโล่ง มีฝักบัวให้เป็นจุด ต้องอาบน้ำก่อนแช่นะคะ เพื่อสุขอนามัย ฝรั่งเค้าก็ถอดอาบกันโต้งๆเลย จากนั้นก็ใส่ชุดว่ายน้ำแล้วลงไปแช่น้ำร้อนได้เลยค่ะ ขอบอกว่ารช่วงทีต้องเดินใส่ชุดว่ายน้ำไปลงบ่อน้ำร้อนมันทรมานมากกกก เพราะลมแรงและอากาศเย็นมาก แทบอยากจะวิ่งแล้วกระโดดลงบ่อไปเลย แช่แล้วน้ำอุ่นๆ สนุกดีค่ะ ถือเป็นการผ่อนคลายจากการเที่ยวทั้งวัน ในบ่อวันนั้นกรุ้ปเราลั้ลลาสุดแระ อิอิ

สำหรับใครที่สนใจอยากไป ดูราคาค่าเข้า และเวลาเปิดปิดได้ที่ https://myvatnnaturebaths.is/prices-and-hour/ ใครที่อยากไปแช่เตรียมผ้าขนหนูไปเองด้วยนะคะ เพราะถ้าเช่าราคาแรงเลย

ป้ายทางเข้า
 

 
ตัวอาคารชั้นเดียวเรียบๆแบบนี้ ตัวบ่อน้ำอยู่ด้านหลัง
 

 

iceland
 
 
iceland
 
หลังจากแช่น้ำร้อนกันชิลๆ จนพอใจแล้วได้เวลาไปหาของอร่อยกินกันค่ะ มื้อนี้ถือเป็นมื้อไฮไลท์ของทริปอีกมื้อเพราะทั้งแปลกและทั้งแหวกแนวเพราะเราจะไปกินอาหารในคอกวัวกันค่ะ ฟังดูแปลกไหมคะ

ร้านที่ว่าคือ Vogafjos Cowshed Cafe ร้านเค้าตามชื่อเลยคือเป็นร้านอาหารที่อยู่ในโรงเลี้ยงวัว เฮ้ย มันใช่เหรอ เราจะได้กินข้าวพร้อมกับที่น้องวัวกินหญ้าหรือเปล่า ขอบอกว่าร้านนี้ไม่ธรรมดานะคะ เพราะเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งในแถบ Myvatn ของ TripAdvisor เลยล่ะ เดี๋ยวไปพิสูจน์กันว่าจะแปลกและดีแค่ไหน
 
ร้านอยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำร้อนมาก จริงๆแล้วทำเลร้านสวยเลยค่ะมองเห็นทะเลสาบ Myvatn แต่เราไปถึงมันโพล้เพล้แล้ว มองไม่ค่อยเห็นวิวแล้ว คอนเซปต์ของร้านคือ เป็นร้านที่ทำอาหารแบบ homemade แทบทุกอย่าง มีเมนูเด็ดๆที่ไม่เหมือนใครเช่น ชีส mozzarella ที่ทำจากนมในฟาร์มเอง เนื้อแกะรมควัน และยังมีขนมปัง geysir bread ที่อบในในเตาอบชนิดพิเศษและใช้ความร้อนจาก geothermal heat หรือความร้อนจากใต้ดิน คือฟังดูเริดมาก น่าไปลอง นอกจากนี้ แขกที่มากินอาหารสามารถไปให้อาหารน้องวัว และชมการรีดนมวัวกันแบบสดๆ ด้วย
 

 
ร้านมีสองส่วนติดกันคือส่วนที่เป็นโรงเลี้ยงวัวและส่วนที่เป็นร้านอาหาร อยู่ติดกันแต่มีกระจกกั้นนะคะ
 

 
แวะเข้าไปส่วนที่เป็นโรงเลี้ยงวัว มีน้องวัวกินหญ้ากันอย่างอร่อย กลิ่นรุนแรงใช้ได้เลยค่ะ โชคดีที่มีกระจกกั้น แหะๆ
 
iceland
 
ในโซนของร้านอาหาร บรรยากาศสบายๆ จุดรอมีของที่มีของที่ระลึกขาย (แต่ราคาสูงมั่กๆ) ด้านที่ติดกับคอกวัวกั้นกระจก ทำให้บางโต๊ะที่ติดด้านนี้มองเห็นน้องวัวชัดเจน อ่านรีวิวมามีลูกค้าบอกว่ากลางวันมีรีดนมวัว ดูกันเพลินและสามารถเข้าไปให้อาหารวัวได้ด้วย
 
iceland
 
มุมจากร้านอาหารมองผ่านกระจกออกไป เห็นน้องวัวแบบนี้
 

 
เราโทรไปจองก่อน แต่คงเพราะโทรไปจองช้าไปหน่อย ชะล่าใจไม่คิดว่าจะมีลูกค้าเยอะขนาดนี้ ไปถึงเราต้องรอเกือบชั่วโมง หิวจนเหนื่อยกว่าจะได้โต๊ะ น่าจะเป็นเพราะเรากรุ้ปใหญ่ด้วยค่ะ มี 8 คน แต่ในที่สุดก็ได้โต๊ะ

อาหารเค้ามีไม่กี่เมนู เน้นแกะและปลาเป็นหลัก มาดูว่าเรากินอะไรกันบ้าง

เริ่มที่ appetizer จริงๆ เมนูนี้สำหรับสองคน แต่เราสั่งมากินกัน 8 คน เพราะไม่แน่ใจว่าจะกินกันได้ครบทุกคนหรือเปล่า
 
Vogafjos special 5,400 Kr ในเซ็ทมี
– Myvatn mozzarella เป็นชีสที่ทำจากน้ำนมของฟาร์มเอง อร่อยค่ะกินกับมะเขือเทศ
– Raw smoked lamb เป็นเนื้อแกะดิบรมควัน เนื้อสีแดงๆในจานน่ะค่ะ เป็นสูตรเฉพาะของร้านเอง ใครไม่กินดิบอาจจะแหยงๆ ไม่กล้ากิน แต่ลองชิมดูเถอะค่ะเพราะมันรสชาติดีมาก ไม่มีกลิ่นเหม็นสาบเลย มีรสเฉพาะตัวกินกับน้ำสลัดหรือกับแยมโฮมเมดที่ให้มา หวานๆ เค็มๆ อร่อยค่ะ
– Smoked arctic char ปลาอา์คติกชาร์เป็นปลาตระกูลแซลมอน เนื้อสีเหมือนกันแต่สีอ่อนกว่า เป็นปลาที่เป็นที่นิยมในไอซ์แลนด์ นำไปรมควันแบบโฮมเมด อร่อยค่ะ หนึ่งว่าเค้าทำรมควันได้อร่อยเลย
– Dill-cured artic char ดิล (ผักชีลาว) เป็นผัักที่หนึ่งคุ้นเคยดีเพราะเป็นเด็กอิสาน แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามันเป็นผักพื้นเมืองของไอซ์แลนด์ด้วย ปลาดิบเหมือนกันแต่เทคนิคต่างจากการรมควัน ดองแห้งในถุง สีปลาซีดกว่า รสเค็มเหมือนกันแต่มีกลิ่นผักชีลาวด้วย อร่อยดีค่ะ
– Geysir bread ขนมปังที่อบในเตาที่ขุดลงไปใต้ดิน ใช้ความร้อนจากใต้ดินตามธรรมชาติ เอกสิทธิ์ของคนแถบนี้เท่านั้น ขนมปังสีเข้ม มีกลิ่นหอมพิเศษที่เป็นเอกลักาณ์มาก เนื้อขนมปังไม่ได้เป็นแบบเหนียวนุ่ม เบาแบบที่คนไทยนิยมนะคะ เป็นแบบมีไฟเบอร์เยอะหน่อย ต้องเคี้ยว แต่หนึ่งชอบค่ะ
– Fresh salad สลัดเคล เนื้อแน่นดีจริงๆผักตัวนี้ ผักสดมาก
 

 
ให้ดู Raw smoked lamb ใกล้ๆ สีสวยนะคะ ร้านนี้รมควันได้สีสวยมาก อร่อยด้วย ถัดมาสีซีดหน่อยมีผักเขียวๆปนคือ Dill-cured artic char ส่วนที่สีเข้มกว่าคือ Smoked arctic char
 
Vogafjos Cowshed Cafe
 
Myvatn mozzarella กับ geysir bread
 

 

ต่อไปเป็นจานหลัก เราสั่งกันมาซ้ำๆ กันบ้างเพราะมีไม่กี่เมนู เริ่มที่

Vogafjos beef burger 3,960 kr เป็นจานหลักที่ราคาถูกที่สุดของร้าน เนื้อวัว 160 g สั่งความสุกได้ ซอสสูตรของทางร้านโปะด้วย mozzarella cheese ทำเอง ตัวขนมปังก็ทำเอง แต่ขนมปังเค้าเป็นแนวโฮลวีท เนื้อแข็งหน่อยนะคะ จานนี้ของหนึ่งเอง รสชาติโอเคค่ะ ไม่ได้ว้าวมาก แต่ไม่ได้แย่ หนึ่งชอบขนมปังไฟเบอร์เยอะๆ แบบนี้
 

 
Lamb prime 5,750 Kr เนื้อแกะ เนื้อล้วนแทบไม่ค่อยมีมัน เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบ และสลัด จานนี้ของเพื่อน แต่ขอชิมด้วยนิดนึง เนื้อแกะมาแบบเต็มๆ รสชาติอร่อยดีค่ะ

 

 

Lamb slice 4,990 Kr เนื้อบางกว่าและมีมันเยอะกว่า lamb prime หนึ่งว่ารสชาติอร่อยกว่าด้วย เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งเค้กและสลัด

 

 
Slow-cooked lamb shank 5,280 Kr แกะอีกแล้ว อิอิ เนือตรงต้นขาแกะที่ค่อนข้างเหนียว แต่เอามาเครียวจนเปื่อย จานนี้ของเพื่อน แต่แอบขอชิมด้วย (อีกแล้ว) อร่อยไปอีกแบบค่ะ
 

 

สรุปอาหารมื้อนี้ ความอร่อยสำหรับหนึ่งให้ 3.5 เต็ม 5 แต่ชอบไอเดียและคอนเซปต์ของร้านมาก ดูแตกต่างและไม่เหมือนใครดี ถ้ามากินกลางวันหนึ่งว่าน่าจะชิลกว่ามามื้อดึก ใครอยากมาสัมผัสประสบการณ์ร้านแนะนำให้โทรมาจองก่อนเนิ่นๆนะคะ เพราะลูกค้าเยอะมากจริงๆ
 
วันนี้ปิดท้ายด้วยอาหารเย็นที่กว่าจะกินเสร็จก็ค่อนข้างดึก ระหว่างขับรถไปที่พักฝนก็ตกลงมา โอกาสเห็นแสงเนือเท่ากับ 0 T_T ต้องรอลุ้นกันวันต่อไปค่ะ #ชีวิตไม่สินหวัง
 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***

adrenalinerush
About me

Deeply in love with traveling, cooking and baking. Also love to write and like to share. Join me in traveling and kitchen adventures!

YOU MIGHT ALSO LIKE

เที่ยวไปกินไปใน Iceland day 3; ทักทาย East Iceland ที่เมือง Egilsstaðir & Seyðisfjörður
September 12, 2018
เที่ยวไปกินไปใน Iceland day 2; From Vik to Höfn และล็อบสเตอร์อร่อยร้าน Pakkhús
August 10, 2018
เที่ยวไปกินไปใน Iceland day 1; The Golden Circle & Friðheimar
August 07, 2018
Iceland
12 Foods you can’t miss in Iceland
December 08, 2017
15 Facts about Iceland-15 สิ่งควรรู้ก่อนไปเที่ยวไอซ์แลนด์
15 Facts about Iceland-15 สิ่งควรรู้ก่อนไปเที่ยวไอซ์แลนด์
November 17, 2017

1 Comments

FUFY
Reply February 6, 2019

ชอบๆ ^_^

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Leave a Reply to FUFY Cancel