Lofoten I
ช่วงแรกของการวางแผนสับสนมากเพราะข้อมูลไม่ค่อยปะติดปะต่อและสุดท้ายเราตัดสินเที่ยวไม่เหมือนคนอื่นเที่ยว แถมเจออากาศแย่ๆ ถึงขั้นคุยกันเองกับเพื่อนๆในทริปว่ามีใครทำอะไรผิดผีหรือเปล่า ฟ้าถึงได้แกล้งเราขนาดเน้ T_T อยู่ที่นี้ 3 วัน 2 คืน ฝนตก1 วันครึ่ง แถมวันที่ฟ้าใสคือวันที่เราจะเดินทางกลับ สรุปมีวันที่ฟ้าใสเป็นใจแค่ครึ่งวันเท่านั้น มันคืออะไร!?! แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่มีวันฟ้าใส นึกว่าจะปักตะไคร้(ที่ปนไปกับมาม่าที่เราหอบไป) แต่ก็ประทับใจที่สุดอารมณ์เหมือนฝันที่เป็นจริงอย่างนั้นเลยค่ะ ^_^
ว่าแต่ Lofoten คือที่ไหน
Lofoten Islads เป็นหมู่เกาะเล็ก เกาะน้อย (archipelago) อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนอร์เวย์ เป็น fishing center ของประเทศ ประชากรที่อยู่ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นชาวประมง แต่ด้วยความสวยงามทางธรรมชาติ เขาสูงสุดลูกหูลูกตา หมู่เกาะเล็กเกาะน้อย และหมู่บ้านชาวประมงสีสดใส ทำให้หมู่เกาะแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนรักธรรมชาติหลั่งไหลมาจากทั่วโลก ที่นี่เคยถูกโหวตให้เป็นสถานที่ที่สวยที่สุดในนอร์เวย์และเป็นหมู่เกาะที่สวยที่สุดในโลกมาแล้ว ซึ่งหนึ่งเห็นด้วยทุกประการ เทคะแนนให้รัวๆ(ด้วยวามลำเอียง 😉 )
source
Lofoten Islands มีหลายเกาะมากๆ แต่มีเกาะใหญ่ๆเด่นๆอยู่ 4 เกาะ แต่ละเกาะมีเมืองใหญ่และจุดท่องเที่ยว ปัจจุบันมีถนนและสะพานที่เชื่อมเกาะทั้ง 4 โดยไม่ต้องใช้เฟอร์รีข้ามคือเส้น E10 เป็นทางเลือกในการเดินทางได้อีกทาง
มาที่นี่มีอะไรให้เที่ยว? มีกิจกรรมอะไรให้ทำ? เยอะค่ะ landscape ของหมู่เกาะนี้งดงามมากใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพคงได้กรี้ดกันตลอด และมีกิจกรรมหลากหลายทั้ง hiking, trekking, ตกปลา, เล่น serf, ดำน้ำ, พายเรือคายัค หรือจะขับรถเที่ยวเก๋ๆ นอนอ่านหนังสือจิบไวน์แบบ slow life ก็ได้เช่นกัน สำหรับทริปนี้เราวางแผนกันว่าจะ hiking ค่ะ ขึ้นจุดดชมวิวที่สวยที่สุดและขึ้นชื่อที่สุดของที่นี่ Reinebringen คือขอแค่ได้ขึ้นเขาลูกนี้ไปชมวิว ถ้าทำได้จุดอื่นถือเป็นของแถมค่ะ พูดเลย
source
เราเดินทางมาที่ Lofoten แบบไม่เหมือนใครด้วยการขับรถ(สู้ตาย) จากทรุมโซ ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงโดยขาไปแวะนอนที่ Harstad ก่อน 1 คืนเพราะออกจากทรุมโซก็บ่ายแล้ว ไม่อยากขับรถยาวเกินไปช่วงค่ำ(ปรากฏว่ามันไม่มืดเพราะเราเดินทางไปช่วงมีพระอาทิตย์เที่ยงคืน) ส่วนขากลับขับรวดเดียวยาว (เกือบตกเครื่องด้วยนะเออ)เลย (ปล 1. Harstad ไม่ได้อยู่บน E10 เราแว้บออกไปพัก 1 คืน ปล 2 การเดินทางของเราไม่ใช่การเดินทางที่ดีที่สุดนะคะ แต่เราเลือกแบบนี้เพราะเหตุผลหลายอย่าง เดี๋ยวตอนท้ายจะเพิ่มการเดินทางที่สะดวกกว่านี้ให้)
เริ่มเที่ยว Lofoten ในวันถัดมา จริงๆจาก Harstad ไป Svolvær ควรใช้เวลาประมาณ 2 ชมครึ่งโดยประมาณ แต่อินางขับรถหลงทางวนไปมาไม่ยอมข้ามเฟอร์รีเลยเสียเวลาเพิ่มไปอีกชั่วโมงกว่า – -” แต่ไม่มีอะไรต้องเสียค่ะเพราะ Lofoten ต้อนรับเราด้วยสายฝน (ให้มันได้อย่างนี้สิ) เราแวะ tourist imformation center แถวท่าเรือมีแผนที่ของพร้อมจุดท่องเที่ยวให้ฟรีและเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการฟนาตาเลยค่ะ หลังจากได้แผนที่มาแล้วมาเดินชมเมืองกันหน่อยนะคะ เมืองทุกเมืองที่หมูเกาะนี้มีท่าเรือและมั่งจะเป็นจุดที่ชุมชนอยู่กันหนาแน่นที่สุด ตอนเราเดินชมเมืองฝนหยุดแล้วแต่ฟ้าครึ้มไม่มีแดด อากาศนี่พอหย่อนขาออกนอกรถแถบอยากกรี้ด อากาศเย็นมากก หนึ่งสามารถบอกได้เลยว่าอากาสต่ำกว่า 10 องศา ขนคิงลุกเลยค่ะเพราะนางใส่กางเกงบางมากประมาณซัมเมอร์สุดเก๋ เวลาเดินต้องแอคทีฟเข้าไว้คือเดินเร็วๆ (ความจริงหนาวมากต้องหาที่อุ่นๆอยู่ 555)
แถวท่าเรือที่ Svolvær รอบๆมีโรงแรม 3-4 ดาว ตลาดนัดขายของและร้านสะดวกซื้อด้วย
กองทัพเดินได้ด้วยท้อง บ่ายโมงกว่าแล้วหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า เรากินอะไรง่ายๆเป็นฮอทดอกที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อนหนึ่งซื้อเจ้าโค้กเขียวมาลอง ตอนแรกไม่รู้ว่าทำไมถึงขวดสีเขียว ไปลงกระทู้ในห้องบลูมีคนมาตอบว่าเป็นสูตรที่ใช้น้ำตาลน้อยลงแล้วใช้สารความหวานอื่นสกัดจากสมุนไพรแถบอเมริกาใต้แทน เพื่อทำให้แคลอรี่ลดลง (ขอบคุณคุณ ainboston สำหรับคำตอบนะคะ)
หลังจากได้ข้อมูลและแผนที่เพิ่มเติมมาแล้ว มาเที่ยวกันจริงจังกันค่ะ แม้ว่าจะเซ็งเรื่องอากาศแต่มาถึงที่แล้วก็ต้องเที่ยวเนอะ เราเที่ยวจากเหนือลงใต้ไปเรื่อยๆจนถึงที่พักเราซึ่งอยู่ใกล้ๆเมือง Reine (เรนเน) ตามถนนเส้น E10 ซึ่งใน Lofoten ถือเป็น National tourist route มีจุดให้แวะหลายจุดมาก แต่เราไม่ได้แวะทุกจุดนะคะ
สนใจดูจุดท่องเที่ยวตามรูทนี้ได้ที่นี่ค่ะ http://www.nasjonaleturistveger.no/en/routes/lofoten
จุดแรกที่เราแวะ Artscape Nordland ที่ Lyngvær เป็นความฉลาดของเค้าที่เข้าใจหาแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวนะคะ เค้าเอางานศิลปะมาจัดโชว์ท่ามกลางธรรมชาติ มีหลายจุดใน Lofoten จุดนี้อยู่ริมถนนเลยค่ะ ถ้าขับรถจากทรุมโซคือเห็นป้ายชื่อเมือง Lyngvær ประมาณ 1 กม นิดจะอยู่าทงขวามือริมทะเล
เป็นงานศิลปะของศิลปินชาวอเมริกัน ทำจากกระจกโค้งวางสามแนวดูเก๋ไก๋มากๆ เสียดายอากาศไม่เป็นใจไม่งั้นจะได้เห็นเงาสะท้อนของภูเขาทั้งลูกหลายๆลูกเรียงกันสวยงามเหมือนในภาพที่ดูมา แต่ตอนนี้เห้นอะไรในเงากระจกคะ 😉
มาต่อที่ ไปต่อกันที่ Eggum village ต้องเลี้ยวจาก E10 วิ่งตามถนนโลคอล(แคบๆ)ไปเรื่อยๆ ระหว่างทางสวยมากกกกกกกกแต่จอดรถถ่ายรูปไม่ได้เพราะถนนแคบมาก ไม่มีค่อยมีไหล่ทางให้จอด จอดได้แค่จุดนี้
เห็นดอกไม้ใบหญ้าแล้วค่อยรู้สึกสดชื่นหน่อย บ้านเค้าเหมือนบ้านในนิทานเลย เห็นด้วยไหมคะ ^_^
เลยหมู่บ้านมานิดหน่อยเป็นจุดท่องเที่ยวของ Eggum มีด่านเก็บเงิน(ที่ไม่มีคนเฝ้า) ราคาไม่แพงมากถ้าจำไม่ผิดคือ 20 NOK เราแค่หยอดในตู้แล้วขับรถเข้าไปเรื่อยๆจะเห็นจุดให้จอดรถเพราะใครๆก็จอดกัน จุดนี้จะมีห้องน้ำ ร้านอาหารเบาๆให้ร้านของที่ระลึก จอดรถเสร็จได้เวลาเดินเที่ยวกันค่ะ ที่นี่มีจุดให้เดินชมความสวยงามของหาดและภูเขา มีเส้นทางปีนเขาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนด้วย
ซ้ายเป็นเขา ขวาเป็นทะเล(สีดำ) อากาสหมองๆแต่คนยิ้มแฉ่งเลยล่ะ ปล อย่าถามนะคะว่าอากาศร้อนไหมเพราะคนในรูปแอ้ปใส่ขาสั้นทั้งๆที่หนาวมากกก ลมแรงด้วย
เราเดินแค่แนวราบแต่เดินไปได้สักระยะรู้สึกว่าเส้นทางนี้ช่างยากนัก คือขี้แกะเยอะมากค่ะ ตาต้องคอยดูว่าจะเจอกับระเบิดหรือเปล่าแทบไม่ได้ดูวิวเลย
และแล้วเราก็มาถึง Artscape Nordland อีกจุด เป็นรูปปั้นหน้าคนที่ทำได้เก๋มากๆ เรามาเพื่อสิ่งนี้ค่ะ
ดูอีกด้านให้อารมณ์ไปอีกแบบเลยค่ะ
จบทริปของวันนี้ด้วยที่นี่ เราไปแวะ Lofoten Viking Museum ด้วยแต่ไม่ได้เข้าชมขับเลยไปที่พักเพราะต้องเช็คอินก่อนสองทุ่ม ติดตามอ่านตอนหน้านะคะว่าเราไปเที่ยวที่ไหนใน Lofoten บ้าง ^_^
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
FUFY
May 27, 2016ตามมาเที่ยวอีกรอบ อิอิ