Innsbruck เมืองสวยในอ้อมกอดของเทือกเขาแอลป์
หนึ่งเที่ยวออสเตรีย 3 เมืองคือ Innsbruck, Salzberg และ Hallstat การเดินทางใช้ Eurorail pass โดยหนึ่งซื้อเป็น second class โดยซื้อแบบแยก 2 เขตคือ Austria pass และ German & Benelux pass เพราะราคาจะถูกกว่าซื้อแบบเหมา 8 วัน จริงๆถ้าเข้าไปเวปไซต์ แล้วระบุวัน ช่วงเวลาที่เราจะเที่ยวประเทศไหนบ้าง ระบบจะคำนวณให้มามีแบบไหนให้เลือก หนึ่งก็ซื้อแบบที่คิดว่าคุ้มสุด และราคาถูกสุดเลยค่ะ อิอิ หนึ่งหาข้อมูลจากเวปนี้ http://www.raileurope.co.th/ แต่ตอนซื้อ ซื้อกับบริษัททัวร์บ้านเรา เพราะเค้าไม่มีชิปปิ้งมาบ้านเรา บล็อกเอนทรีนี้จะพราเที่ยวเมือง Innsbruck เมืองสวยในอ้อมกอดของเทือกเขาแอลป์
หลังจากเที่ยวอัมสเตอร์ดัม หนึ่งจองตั๋วนอนจาก Amsterdam มุ่งหน้าไป Innsbruck ซึ่งรวมอยู่ในยูโรพาส แต่ต้องจองล่วงหน้านะคะ ไม่งั้นอาจจะไม่มีที่นอนได้ มีหลายราคาให้เลือกตั้งแต่แบบเก้าอี้เหยียดและตู้นอน หนึ่งจองเป็นตู้นอนไป จาก Amsterdam ประมาณ เกือบ 2 ทุ่มไปเช้าที่มิวนิค หลับสบายเลยค่ะ พนักงานจะมาปลุกตอนตี 5 เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งสำหรับหนึ่งไม่บ่อยนักที่จะได้ถ่ายพระอาทิตย์ยามเช้าตรู่แบบนี้ ;)/span>
ที่มิวนิคเปลื่ยนรถไฟเพื่อไปอินส์บรูค ออกเดินทาง 7 โมงครึ่งถึงประมาณ 9 โมงกว่าๆ เราก็เที่ยวเลยค่ะ ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานีรถไฟแล้วเริ่มกันเลย ข้อมูลการท่องเที่ยวหนึ่งหาจากอินเตอร์เน็ททั้งหมดค่ะ
อินส์บรูค (Innsbruck) เป็นเมืองเมืองหลวงของรัฐ Tyrol ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มอิน (Inn Valley) โดยมีแม่น้ำอินไหลผ่าน และถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ คำว่า”bruck” มีรากศัพท์มาจากภาาษเยอรมันแปลว่า “bridge” Innsbruck=Bridge over the Inn ตัวเมืองมีประวติศาสตร์ยาวนาน และมีทัศนียภาพที่สวยงามจากเทือกเขาแอปล์ที่โอบล้อมอยู่จนได้รับการขนามนามว่า Capital of Alps นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน Winter Youth Olympic แห่งแรกด้วย
ส่วนตัวหนึ่งชอบเมืองนี้มากๆ เพราะมีครบทั้งเมืองเก่า และภูเขา ธรรมชาติ การเดินทางสะดวกมากด้วย เป็นเมืองที่มีนักเที่ยวคับคั่งเมืองหนึ่ง หนึ่งไปเมืองนี้วันอาทิตย์ ร้านรวงหลายร้านปิด ดุค่อนข้างเงียบ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างคึกคักเลย ถ้ามาวันธรรมมดานักท่องเที่ยวคงยุบยับเลยค่ะ
โม้เยอะแล้ว เที่ยวกันดีกว่า เราอยู่ที่จุดท่องเที่ยวหลักของเมืองคือ old town ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟนัก เดิน 10-15 นาทีก็ถึง และมีขนาดไม่ใหญ่มากค่ะ เที่ยวแป้บๆก็ทั่ว เน้นชมวิวดูตึกโบราณๆ
เดินมาเห็นตึกสีๆบบนี้ น่าจะใกล้เขตเมืองเก่าแล้ว
มองมาทางขวาเห็นประตูดูเก่าๆ ต้องใช่สถานที่ท่องเที่ยวแน่ๆ เดินเข้าไปดูก่อน แอบมั่วค่ะ เพราะยังไม่มีแผนที่ อิอิ
พอเดินเข้ามาถึงรู้ว่าตึกสีขาวใหญ่ๆที่เห็นคือ Imperial Palace (Hofburg) ภายในเป็นเหมือน complex มีสวน โบสถ์และพิพิธภัณฑ์ซึ่งปิดวันอาทิตย์ อดไปตามระเบียบ
จาก Imperial Palace มีซอยเล็กๆ ที่เห็นในมุมซ้ายมือของรูปด้านบน สามารถเดินทะลุมา old town เป็นซอยสั้นๆที่อัดแน่นไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านแถบนี้ยังเปิดให้บริการเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยว อาคารแถวนี้เป้นตึกโบราณเกือบทั้งหมดเลย ชมเพลินเลย
เดินมาแป้บเดียวก็มาโผล่ที่ ถนน Herzog-Friedrich-Strasse วึ่งเป็นถนนหลักกของเมืองเก่าโดยมีแลนด์มาร์คคือ Golden Roof (Goldenes Dachl) ซึ่งเราจะมองเห็นได้จากระยะไกลเลยเพราะหลังคาสีทองแวววาวนั่นเอง
Golden Roof สร้างด้วยศิลปะแนวโกธิค สร้างในช่วง 1494-96 เก่าแก่มากๆ โดยจุดประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสของพระเจ้า Maximilian I และเป็นสถานที่ที่กษัตริย์และราชวงค์นั่งชมงานเฉลิมฉองสำคัญๆที่จัดรุสด้านล่าง สีทองๆที่เห็นคือกระเบื้องทองแดงค่ะ
ตึกสวยเวอร์ที่อยู่ตรงข้าม Golden Roof คือ Helblinghaus เกิดในยุคไล่ๆกันกับ Golden Roof แต่สวยงามออกแนวขนมหวานเลยค่ะ
มุมจากด้านล่างมองไปตามถนน Herzog-Friedrich-Strasse ซึ่งเป็นถนนคนเดิน สองข้างทางเป็นตึกโบราณสวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ หอคอยสูงๆที่เห็นคือ Stadtturm เป็นหอคอยเก่า ปัจจุบันเป็นจุดชมวิวมุมสูง ซึ่งเดี๋ยวจะพาขึ้นไปชมวิวแบบพานอรามากันค่ะ
ว่าแล้วก็อย่าเสียเวลา ไปขึ้นหอคอยชมวิวกัน ต้องเสียเงิน หนึ่งจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ต้องปีนบันไดที่ค่อนข้างแคบ ร้อยกว่าขั้นได้ เดินไปพักไป ลิ้นห้อยเหมือนกันค่ะ แต่พอขึ้นมาข้างบนแล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง วิวเห็นเมืองได้รอบด้านเลยค่ะ สวยงามมากกกก
หลังคาโบสถ์เขียวๆคือ Cathedral of St. James โบสถ์สไตล์บารอค สร้างขึ้นในยุคศตวรรษที่ 18
Golden Roof จากมุมบน
จริงๆมีมุมอีกด้าน แต่ย้อนแสงค่ะ
ชมความงามของเมืองจนอิ่มใจแล้วเราก็เดินลงไปเดินเที่ยวเมืองต่อ แต่ยังอยู่ที่
Herzog-Friedrich-Strasse
ลานหน้า Golden Roof
น้ำพุด้านหน้า Trautsonhaus
เดินไปจนสุดถนนจะเห็น เสาสูงและสวย อยู่อีกฟากของถนน นั่นคือ St Anne’s Column สร้างขึ้นในปี 1706 เพื่อเฉลอมฉลองการถอยกำลังหลังของทหารบาวาเรียน
จริงๆแถวนี้มีตึกสวยๆเหมือนกันค่ะ แต่ดูเงียบกว่าแถว Golden Roof ร้านรวงก็ปิดเยอะ มีแค่บางร้านที่เปิดเพราะเป็นวันอาทิตย์
เดินกลับไปแถว Golden Roof อีกรอบแล้วเลี้ยวซ้ายจะเห็นโรงแรมเก่าแก่ที่สุดในอินส์บรูค Goldener Adler(Golden Eagle) สร้างในศรรสตวรรษที่ 16 มีแขกดังๆมาพักหลายท่าน ปัจจุบันยังเปิดให้บริการอยู่
ลายเพ้นท์บนตัวอาคาร ชอบๆค่ะ
Ottoburg อยู่สุดถนนเลยค่ะ จากมุมนี้มองเห็นแม่น้ำอินได้เลย
เดินเที่ยวในเมืองเสร็จภายในช่วงเช้าค่ะ พักเติมกำลังเล็กน้อยก่อนเดินทางไปเมือง Igls (อิ๊ก-เกิ้ลส์) เมืองเล็กๆที่อยู่ห่างจากอินส์บรูคแค่ 6 กม จุดมุ่งหมายคือเพื่อไปชมวิวภูเขาเต็มๆ จริงๆตั้งใจจะเทรลง่ายๆ แต่เปลี่ยนใจเสียก่อนเพราะหิว อิอิ จริงๆที่อินสืบรูคมีจุดชมวิวภูเขาเด่นๆ 2 จุด แต่หนึ่งเลือกที่นี่เพราะหลังจากศึกาาข้อมูลแล้วที่นี่สวยกว่า อีกอย่างเดินทางสะดวกด้วยค่ะ นั่งรถเมล์ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
รถเมล์จะจอดตรงที่ขึ้น Patscherkofel Ropeway หรือ cable car เลยค่ะ แต่หนึ่งลงก่อนเพราะอยากเดินชมเมือง แต่เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันค่ะ เพราะเมืองเป็นเนินสูงขึ้นเรื่อยๆ
ขึ้นกระเช้ากันเลยค่ะ ค่าตั๋ว 24 ยูโรไปกลับ กระเช้าขนาดใหญ ขึ้นไปสูงและระยะทางยาวมากๆ แต่ไม่น่ากลัวเลยค่ะ
ถึงแล้วค่ะ จุดที่หนึ่งต้องการ เป็นจุดสูงสุดของภูเขา มองเห็นวิวแล้วสวยมากกกก สุขใจสุดๆ มีเพื่อนนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นกระกระเช้าเต็มทั้งขาไปและกลับเลย บางคนมาเดินเขากันค่ะ
คนเค้าเดินเก่งกันมากๆ อายุขนาดนี้ยังมาเดินได้ เก่งจริงๆค่ะ รุปจากเลนสืไวดืที่กำลังจะเสีย เบลอเชียว ><
ด้านบนมีร้านอหาร 1 ร้าน บนร้านอาหารเป็นจุดชมวิวอีกจุด เหมือนลอยอยู่บนฟ้าเลยค่ะ
กลับไปทานข้าวเย็นที่ old town ค่ะ เมนูนี้หนึ่งจำไม่ได้แล้ว แต่เป็นเห้ดค่ะ อร่อยดี กินหมดด้วยความรวดเร็ว อิอิ
ตบท้ายด้วยไอศครีมที่ร้านอยู่ในตึก Helblinghaus ที่อยู่ตรงข้าม Golden Roof นั่นเอง เพราะเห็นรูปโฆษณาเป็นไอศครีมรูปทรงดอกไม้ ดูน่าสนใจ
ส่วนของจริงเป็นแบบนี้ ขอบอกว่า…อร่อยมากกกกก ค่ะ ถ้ามีดอกาสมาอย่าลืมชิมนะคะ
วันนี้รูปเยอะมาก โหลดนานไปนิด ขออภัยนะคะ
ขอบคุณที่มาเที่ยวด้วยกันค่ะ
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
FUFY
April 15, 2016มาเช็คคำผิด