Hida Beef


หลังจากไปชมความงามของฟูจิซังมาแล้ว แม้จะพูดไม่ได้เต็มปากว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามแต่ก็ฟินแล้วค่ะSmiley
ตามไปชมฟูจิซังจากบล็อกเอนทรีที่แล้วได้ ที่นี่

จากที่ได้เกริ่นไปในบล็อกที่แล้วว่าคอนเซปทริปนี้ของเราชาวทัวร์ฝนพรำคือ “ชมใบไม้แดง สบตากับฟูจิซัง ทานเนื้อฮิดะและแช่ออนเซ็น”

สองมิชชั่นแรกถือว่าทำสำเร็จไปแล้ว มาถึงมิชชั่นต่อไปนั่นคือ “กินเนื้อฮิดะ” นั่นเองงงงงงง

เนื้อฮิดะคืออะไร แล้วจะอร่อยขนาดไหน(เชียว)

มาหนึ่งจะเล่าแจ้งแถลงไขให้ฟัง

เนื่องจากหนึ่งไม่ได้เป็นผู้รอบรู้หรือเป็นกูรูด้านไหน แต่เป็นผู้หญิงอยากรู้ มีความเป็น “guru niche” แปลเป็นภาษาไทยง่ายๆว่า “กรูรู้นิดๆ” (ขอบพระคุณพี่โส่ย secreate ผู้บัญญัติคำนี้ขึ้นมา) Smiley

แหมๆ จะกินของอร่อย(และแพง)ทั้งทีขอหาที่มาของเค้านิดนึง ข้อมูลต่างๆหามาจากหลายแหล่งด้วย”google” กราบงามๆ 1 ครั้ง ไม่มีเธอชั้นจะอยู่ได้ยังไง อิ้ววว

**********

เคยได้ยิน ได้ชิม หรือรู้จักเนื้อฮิดะไหมคะ

หนึ่งขอบอกตรงๆว่าเพิ่งเคยได้ยินตอนทำการบ้านจะมาเที่ยวนี่แหละค่ะ จริงๆก็เคยได้ยินมาครั้งนึง นานมาแล้ว สมัยป้าแอ๊ก ปลาทอง 9 รีวิวเอาไว้ แต่ก็จำไม่ได้ ล่วงเลยผ่านมาถึงเพลานี้

นื้อฮิดะ (Hida Beef) เป็นเนื้อระดับพรีเมี่ยมที่มีความเฉพาะคือ

1. เป็นเนื้อที่ได้มาจากวัวญี่ปุ่นสายพันธุ์พิเศษ (Wagyu = Japanese cow) คือเนื้อเธอจะมีไขมันแทรกอยู่ตามชั้นกล้ามเนื้อจำนวนมาก ทำให้เวลาชำแหละจะเห็นลวดลายงดงามเหมือนหินอ่อน และไขมันนี่เองที่เป็นตัวทำให้เนื้อนุ่มมม ละลายในปาก

2. วัว วะกิว(Wagyu) ที่ว่าต้องเลี้ยงในเขต Gifu (ญี่ปุ่นตอนกลาง) เท่านั้น

3. เนื้อได้รับการตรวจวัดคุณภาพเฉพาะ (ได้เกรด A-B โดยHida Beef Brand Promotion Conference และ texture ของเนื้อต้องได้ เกรด 3-5 (ตัวเลขยิ่งเยอะ ยิ่งดี)

*** สรุปความว่าเนื้อฮิดะเป็นเนื้อที่ได้จากวัว วะกิว ที่เลี้ยงในเขต Gifu และได้รับมาตรฐานตามที่กล่าวไว้ขั้นต้นนั่นเอง***

แล้วเนื้อฮิดะมีความเกี่ยวเนื่องกับเนื้อโกเบ (Kobe beef) เนื้อมัสซึสะกะ(Mutzusaka beef) หรือ Omi beef หรือไม่ อย่างไร

คืองี้ค่ะ ถ้าน้องวัววะกิว ถูกเลี้ยงในเขตโกเบ เนื้อที่ได้จะเป็น “เนื้อโกเบ” ถ้าถูกเลี้ยงในเขตมัสซึสะกะก็จะเป็น “เนื้อมัตสึซะกะ” นั่นเอง

วะกิวที่ถูกเลี้ยงในเขตที่แตกต่างกันจะให้ผลที่ต่างกันและมีผลต่อรสชาติด้วย

ว่ากันว่าเนื้อฮิดะมีราคาย่อมเยาว์สุดในบรรดาเนื้อจากวัววะกิว จริงแท้อย่างไรใครพอมีความรู้มาแชร์ได้เลยค่า

แต่ถึงแม้ว่าราคาจะย่อมเยาว์กว่า ถ้าเผลอกินเยอะก็อาจจะกระเป๋าฉีกได้ เพราะราคาเค้าก็พรีเมี่ยมตามคุณภาพเลย

ส่วนความอร่อยนั้น ไม่ต้องพูดถึง เสียดายหนึ่งไม่เคยกินเนื้อโกเบ ส่วนเนื่อมัตสึสะกะเคยกินแต่ที่เมืองไทย เลยไม่สามารถบอกได้ว่าเนื้ออะไรอร่อยกว่ากัน สงสัยคราวหน้าต้องไปลองให้ครบเลย

จะกินเนื้อฮิดะ กินได้ที่ไหน

เพื่อนร่วมทริปที่รีเควสกินเนื้อฮิดะ กล่าวว่า “จะกินของดี ของอร่อยต้องไปให้ถึงแหล่งและกินร้านอร่อยของเค้าด้วย”

อันนี้หนึ่งเห็นด้วย 100% จะกินต้มยำกุ้งอร่อยต้องมากินที่เมืองไทยฉันใด จะกินเนื้อฮิดะต้องไปกินแถว Gifu ฉันนั้น

ปัจจุบันการขนส่งสะดวกสบาย เราสามารถหากินเนื้อฮิดะได้ที่โตเกียวหรือแม้แต่ กทม ก็มีขาย แต่เราต้องการความออริจินอลค่ะ เมืองไหนมีขายบ้าง ตามแผนที่นี้เลย

cr ภาพจาก http://hidagyujapan.jp/

เราเลือกไปกินที่ทะคะยะมะ เมืองเล็กๆที่ยังอนุรักษ์ความดั้งเดิมเอาไว้จนได้ชื่อว่าเป็น “Little Kyoto” ขึ้นเหนือไปไม่ไกลก็เป็นเมืองชิระคะวะโกt เมืองท่องเที่ยวอันโด่งดังที่เราก็ไปมาค่ะ ไปเที่ยวเสร็จก็แวะมากินเนื้อก่อนจะนั่งรถไฟไปเกียวโตต่อ

เนื่องจากเราเดินทางมาจาก Fujiyoshida โดยรถไฟเพราะซื้อ JR rail pass ไว้ กลัวไม่คุ้ม ทำให้เราต่อรถไฟถึง 5 ขบวนใช้เวลาเดินทางเกือบ 8 ชม กว่าจะมาถึง ไม่รักกันจริงคงไม่ทำนะเนี่ย บอกเลย

ร้านที่เราไปกินไม่ใช่เดียวกับที่ป้าแอ๊ก ปลาทอง 9 เคยรีวิวไว้นะคะ แต่อารมณ์คล้ายๆกัน ตามดูริวิวป้าแอ๊ก ได้ตามลิงค์นี้

ร้านที่หนึ่งไปชื่อ Ajikura เค้ามีเวปไซตืด้วย http://www.ajikura.jp/

ร้านอยู่ใกล้สถานีรถไฟและจุดคืนรถเช่ามากๆ ถ้าเดินจากสถานีรถไฟเลี้ยวขวา เดินต่อไปจนกือบถึงไฟแดงร้านอยู่ซ้ายมือฝั่งเดียวกับสถานีรถไฟ มีร้านเช่ารถโตโยต้าเยื้องๆฝั่งตรงข้าม ใช้เวลเดิน 5-10 นาทีเท่านั้น แล้วแต่ใครเดินช้าเร็ว

แต่เนื่องจากเราเช่ารถขับไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมากิน กินเสร็จคืนรถแล้วเดินไปสถานีรถไฟแบบสบายๆ ตัวเบา (เพราะมื้อนี้จ่ายหนัก)Smiley

มาถึงเวลาดี 11 โมงเช้า ไม่ต้องรอคิวเลยค่ะ

หน้าร้าน เป็นแบบนี้ หนึ่งเก็บภาพแบบเร็วไม่ต้องเล็งอะไรมาก มีป้ายสัญลักษณ์วัวแบบนี้

 
 

 
 

เข้ามาภายในร้านอย่างรวดเร็ว เดินผ่านจุดที่เค้ามีการชำแหละเนื้อขายด้วย หนึ่งขี้เกียจถ่ายรูป อิอิ เดินไปที่โต๊ะเลย แบบว่าหิว เค้าจัดโต๊ะเป็นสัดส่วน มีฉากกั้นดูเป็นส่วนตัว
 
 


 
 

นั่งปุ้บ เปิดเมนูเลยยย กรี้ดดด อะไรเนี่ย ไม่มีภาษาปะกิดเลย โชคดีมีรูปกับตัวเลข อย่ารอช้า จิ้มๆๆเลย อยากกินอะไร จัดมา!

 
 

 
 

เมนูเค้ามีหลากหลายนะคะ ลองเปิดดูเร็วๆ เนื้อราคาต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเป็นส่วนไหน ลองนึกภาพวัวและส่วนต่างๆที่มีชื่เรียกต่างๆกันเวลาเราไปกินสเต๊คบางร้านแล้วเค้ามีรูปอธิบายไว้ ประมาณนั้นเลย อาหารมีแบบเป็นเซ็ทพร้อมสำหรับทานคนเดียวด้วย ในเซ็ทมีข้าว ผัก น้ำซุปพร้อม ส่วนเนื้อก็มีแบบหลาหหลายให้เลือกทั้งระบุเลยว่าชอบส่วนไหน อยากกินส่วนไหน หรือจะสั่งแบบเป็นเซ็ทคละเนื้อจากส่วนต่างๆก็ได้ ตามแต่ลูกค้าต้องการ เราเลือกกินแบบยะกินิขุ หรือปิ้งย่าง แล้วสั่งข้าวกับน้ำซุปมาเพิ่ม พนักงานเค้าพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมาก เราต้องใช้ภาษาสากลที่เข้าใจทั้งโลกคือ “ภาษาใบ้” นั่นเอง อิอิ

ให้ภาพจากเมนูแล้ว มาดูของจริงบ้าง เราสั่งแบบในรูปข้างบนเลยอย่างละ 2 เซ็ท อิอิ กินกัน 5 คน แต่พอกินจริงๆ กินแค่ 3 คน เพราะอีก 2 คนกินเหมือนดม เสร็จโจรเลยงานนี้ กินน้อยกินมากก็หารเท่ากันค่าาาSmiley

มาแล้วจานแรก เห็นชั้นไขมันที่แทรกอยู่ไหมคะ แทบจะแทรกอยู่ทุกเส้นใยของเนื้อเลยทีเดียว
 
 

 
 

เนื้อขนาดที่ต่างกันมาจากคนละส่วนของวัว รสชาติ รสสัมผัสต่างกันด้วย

 
 

 
 

มาดูลายหินอ่อนในเนื้อกันชัดๆ เลย จานนี้สั่งมาทั้งหมด 3 รอบเลย

 
 


 
 

เตาปิ้งย่างเค้า หน้าตาดูไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่ แต่ที่น่าสนใจคือเค้าไม่ได้ติดเครื่องดูดควันไว้บนเพดาน แต่ในร้านไม่มีกลิ่นเลย แต่พอย่างไปซักพัก อ๋อ ตรงเตาหรือถาดมีที่ดูดควันลงด้านล่างด้วยแฮะ

 
 

 
 

มีน้ำจิ้มให้ 3 แบบ ลองมั่วๆชิมดูเลย ชอบอันไหนรักแบบไหน เลือกตามชอบ แต่เค้าไม่มีพริกมะนาวให้นะคะ คงอยากให้ได้ลิ้มรสเนื้ออย่างแท้จริงโดยไม่มีเครื่องอย่างอื่นมากลบ

 
 

 
 

ย่างกันเลย หนึ่งชอบกินแบบสุกๆดิบๆ เพราะมันจะได้ไม่เหนียวมากเคี้ยวอร่อย แต่เนื้อเค้าดีค่ะ สุกขึ้นไปอีกหน่อยยังนุ่มอยู่ ก็นะ..ไขมันเยอะซะขนาดนั้น

 
 

 
 

มาดูใกล้ๆเลย เนื้อย่างแล้วจะหดลงเล็กน้อย

 
 

 
 

กินๆๆๆๆ เนื้อมันนุ่มมมมม ละลายในปาก บอกได้เลยว่า เริดดดดดด
 
 

 
 

ได้ไวน์แดงมาแกล้ม…มันสุดยอดมากกก ไวน์อร่อยมาก ราคาน่ารักด้วย
 
 

 
 

ปิดท้ายด้วยขนมหวาน ให้มาพร้อมเซ็ท เป็นไอศครีมโมจิ(มั้ง) อ ร่ อ ย ม า ก ก ก ก ก ก

 
 

 
 

มื้อนี้แพงที่สุดในทริป ค่าเสียหายรวมสลัดและหมูที่สั่งมาเพราะมีเพื่อนคนนึงไม่ทานเนื้อเท่ากับ 23,888 เยน อะลังการงานสร้างมาก อิอิ แต่เราฟินกันทุกคนทั้งที่ได้กินและไม่ได้กิน ถือเป็นไฮไลท์อีกอย่างของทริปเราเลย อ้อ อีกอย่างที่ประทับใจร้านนี้คือห้องน้ำค่ะ ห้องน้ำเค้าเป็นระบบอัตโนมัติ ฟังดูไม่น่าตื่นเต้นอะไรใช่ไหมคะ ที่กรี้ดมากคือ ฝาโถส้มยกขึ้นอัตโนมัติเมื่อมีคนเดินเข้าห้องสุขาค่า แล้วใช้เสร็จปิดให้อัตโนมัติอีก อยากปรบมือดังๆให้ เพราะหนึ่งเป็นคนนึงที่ไม่ชอบเอามือจับฝาโถส้วมเลย ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ชมเพราะการเอารูปโถสุขภัณฑ์มาไว้ในบล็อกรีวิวอาหารมันยังไงอยู่นา Smiley

เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยก่อนจาก

– วัววะกิวมี 4 สายพันธุ์หลัก แต่ที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดคือ วัวดำ

– เนื้อจากวัววะกิวจะมีชั้นไขมันแทรกอยู่ตามกล้ามเนื้อเป็นจำนวนมาก ไขมันเหล่านี้อุดมไปด้วย omega-3, omega-6 และมีปริมาณของกรดไขมันแบบไม่อิ่มตัวสูงมากกว่าเนื้อจากวัวทั่วไป พุดเป็นนัยๆว่า ถึงจะไขมันเยอะ แต่ก็เป็นไขมันมีประโยชน์นะจ้ะ

แต่….อย่าลืมว่า อะไรก็ตามที่มากมายเกินความจำเป็นของร่างกายล้วนแต่เกิดโทษทั้งสิ้น กินแต่พอท้องอิ่ม หรือมากกว่านิดนึงก็ได้…ก้อเราไม่ได้กินกันบ่อยๆ จริงไหมคะ ^_^
 
 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***

adrenalinerush
About me

Deeply in love with traveling, cooking and baking. Also love to write and like to share. Join me in traveling and kitchen adventures!

YOU MIGHT ALSO LIKE

Gyu-kaku
Gyu-Kaku ปิ้งย่างอร่อยที่ Fujiyoshida
June 29, 2015

1 Comments

FUFY
Reply November 30, 2015

มาช่วยตรวจคำผิดจ้า

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *