Hallstatt วันฝนพรำ


ส่งท้าย Austria ด้วยเมืองนี้ค่ะ Hallstatt เป็นเมืองที่หนึ่งอยากไปมากที่สุดของทริปนี้ก็ว่าได้ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ไปแม้ว่าตารางเที่ยวจะอัดแน่นแค่ไหน ยอมสลับวันเที่ยวเพื่อให้ได้ห้องพักเนื่องจากจองกระชั้นห้องพักเต็มเกือบหมด ยอมวิ่งเที่ยวแบบชะโงกทัวร์ Salzburg เพื่อที่จะเดินทางมาค้างคืนที่เมืองนี้ ที่หนึ่งอยากมาเมืองนี้เพราะได้ยินเสียงร่ำลือกันมานานว่าเป็นเมืองที่สวยงามโรแมนติกแค่ไหน ปกติเวลาเที่ยวหนึ่งจะไม่ค่อยตามกระแสเท่าไหร่แต่ครั้งนี้ของเกาะกระแสนิดนึงเพราะมีโอกาสได้มาแถวนี้แล้วก็ขอเอาให้คุ้มนิดนึงเพราะคิดว่าคงไม่มาซ้ำแล้ว..ดังนั้นจัดไป..Hallstatt…


 
 

Hallstatt เป็นเมืองเล็กๆ หรือจริงๆคือหมูบ้านทางตอนเหนือของออสเตรีย มีประชาการอยู่ไม่ถึงพันคน แต่เนื่องจากตัวหมู่บ้านอยู่ในหุบเขาและติดกับทะเลสาป Hallstätter See เรื่อง landscape จึงไม่น่าสงสัยว่าสวยงามแค่ไหน เมืองสวยในหุบเขาติดทะเลสาปเมืองนี้กลายแม่เหล็กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาจากทั่วโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากฝั่งเอเชียอย่างบ้านเรา ถึงขนาดว่าเมืองจีนจำลองเมืองนี้เลยทีเดียว ฮิตกันขนาดนั้น

นอกจากทัศนียภาพที่สวยงามแล้ว เมือง Hallstatt ยังมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและน่าสนใจ เพราะเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ตอนต้นของยุคเหล็ก (iron age)จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ชื่อ Hallstatt มาจากภาษากรีก Hals/Halas แปลว่า “เกลือ” เมืองนี้เป็นแหล่งผลิตเกลือที่สำคัญตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีเหมืองเกลือซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ถ้าได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเกลือในยุคอดีตจะรู้ว่าเกลือมีค่ามากๆถึงขนาดเรียกได้ว่า “white gold” จะดูว่าอาณาจักรไหนร่ำรวยให้วัดกันเลยว่ามีเกลือเท่าไหร่ น่าสนใจนะคะ^_^

ร่ายยาวยืด สรุปว่า เมืองเล็กจิ๋วเมืองนี้นอกจากจะเป็นเมืองสวยงาม โรแมนติกและเป็นเมืองในฝันของนักท่องเที่ยวแล้วยังมีค่าทางประวิติศาสตร์ด้วย Hallstatt ได้รับยกย่องให้เป็น World Heritage Site ด้าน Cultural heritage ด้วย

มาเที่ยวเมือง Hallstattวันฝนพรำกันเลยค่ะ การเดินทางมาเมืองนี้สามารถขับรถมาเองได้จาก Salzburg ซึ่งได้ยินเสียงร่ำลือมาว่าเป็นเส้นทางที่สวยงามมากๆ หรือจะบัสนั่งบัส หรือจะนั่งรถไฟมาเหมือนหนึ่ง หนึ่งเดินทางจาก Salzburg ไปเปลี่ยนรถไฟที่เมือง Attnang Puchheim แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามทะเลสาบ Hallstatt

ภาพบนรถไฟช่วงใกล้ๆถึง Hallstatt เห็นทะเลสาบสวยมากๆ อากาศดีสุดๆ แอบดีใจว่าจะได้เที่ยวเมืองแบบฟ้าใสๆ

 
 

 
 

 
 

 
 

ลงจากรถไฟจะมีป้ายบอกทางไปขึ้นเรือ ไม่ต้องกลัวหลงเลยค่ะ มีทักท่องเที่ยวลงจากรถไฟไปขึ้นเรือพอสมควร นั่งเรือข้ามทะเลสาปใช้เวลาไม่นานมาก ชมวิวไปสวยมากๆ หนึ่งเดินทางมาถึงช่วง 5 โมงกว่าๆแล้ว แต่ยังสว่าง ฟ้าแจ้งดี

 
 

 
 

เมือง Hallstatt เมื่อแรกเดินทางถึง

 
 


 
 

มาถึงฝั่งไปเช็คอินก่อนค่ะ เนื่องจากหนึ่งจองโรงแรมช้า ไปได้โรงแรมที่อยู่ค่อนข้างไกล ถ้าใครมีแผนจะไปเที่ยวเมืองนี้แนะนำให้จองล่วงหน้าเนิ่นๆโดยเฉพาะหน้าร้อนควรจิง 2-3 เดือนล่วงหน้านะคะ

เช็คอินเสร็จเดินชมเมืองกันหน่อย จริงๆเมืองนี้มีขนาดเล็กมากๆ มีถนนหลักในเมืองแค่เส้นเดียวและใช้เวลาเดินถนนเส้นนี้จากปลายถนนด้านหนึ่งไปสุดด้านหนึ่งใช้เวลาแค่ 10-15 นาทีเท่านั้น! แต่เมืองเค้ามีความน่ารักของเค้าค่ะ มาชมกัน

ด้านหน้าโรงแรมที่หนึ่งพัก

 
 

 
 

ถนนคนเดินเส้นเดียวในเมืองตลอดทางเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ที่พัก


 
 

 
 


 
 

มาช่วงนี้กุหลาบบานทั้งเมืองเลย สดใสมากๆค่ะ

 
 

 
 

ถึงเวลาอาหารเย็น หนึ่งถามโรงแรมว่ามีร้านอาหารไหนแนะนำไหม เค้าแนะนำร้านนี้ อยู่ติดถนนเลย สามารถนั่งในร้านหรือจะนั่งอีกฝั่งของร้านซึ่งติดทะเลสาปและเป็นแบบเปิดโล่ง รับอากาศบริสุทธิ์

 
 

 
 

บรรยากาศในร้าน ชิลมากกก

 
 

 
 

อาหารที่หนึ่งสั่ง จำไม่ได้ว่าชื่ออะไรแต่เป็นเนื้อมาพร้อมเห็ดและผัก อร่อยดีค่ะ ส่วนน้ำเป็นลูกอะไรซักอย่าง รสชาติเปรี้ยว สดชื่นดี

 
 


 
 

สั่งอาหารเสร็จ พออาหารมานั่งทานได้ไม่นานฝนตกอย่างกับฟ้ารั่ว ฟ้าเป็นสีขาวไปหมด เราต้องนั่งรอในร้านจนฝนซาแล้ววิ่งกลับโรงแรมพร้อมกับภาวนาให้วันรุ่งขึ้นฝนไม่ตก แต่เราก็โชคไม่เข้าข้างเรา วันรุ่งขึ้นฝนยังตกทั้งวัน แต่ตกปรอยๆไม่หนักมาก เราตัดสินใจไปเที่ยวเหมืองเกลือทั้งสายฝนแบบนี้เลย

Salt Mine Hallstatt หรือเหมืองเกลือที่หนึ่งได้เกริ่นไปแล้วว่าเป็นเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตัวเมืองอยู่บนเขาสูงด้านหลังของเมือง ต้องขึ้นกระเช้าไปด้วยความสูงชันมากๆ ด้านบนนอกจากจะมีเหมืองเกลือแล้วยังเป็นจุดชมวิวแบบพานอรามาของเมือง Hallstatt วึ่งได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดด้วยค่ะ

เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เวปไซต์นี้เลยค่ะ

http://www.salzwelten.at/en/hallstatt/saltmine/

สำหรับหนึ่ง ถ้าต้องให้คะแนนเหมืองเกลือหนึ่งให้คะแนนเต็มเลย แม้ว่าจะเที่ยวท่ามกลางสายฝน เรื่องชมวิวลืมไปได้เลยเพราะนอกจากฟ้าขาวๆแล้ว แทบไม่เห็นอะไร แต่การจัดโชว์ของตัวเหมืองสนุกมากๆ ได้ความรู้และเข้าใจง่าย คุ้มค่าที่สุด ถ้าใครสงสัยว่าทำไมเหมืองเกลือถึงมาอยู่บนเขาสูง ในเหมืองเกลือมีคำตอบให้ค่ะ

เหมืองเกลืออยู่หลังโรงแรมเราเองค่ะ เดินไป 1 นาทีถึง ต้องไปเข้าคิวซื้อบัตรเข้าชมซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาต่อคิวยาว ไม่ยั่นสายฝนกันเลย สังเกตุว่านักท่องเที่ยวมากันเป็นครอบครัวหอบหิ้วเอาลูกเล็กเด็กแดงมาด้วยและแทบไม่มีคนเอเซียเลยค่ะ ในกรุ้ปหนึ่งมีเอเซียแค่ 4 คนแค่นั้นเอง

หลังจากขึ้นกระเช้าซึ่งเรียกได้ว่าเป็นกระเช้าที่ชันมากๆ เราต้องเดินต่อไปที่ทางเข้าเหมือง ระยะทางประมาณ 700 เมตร แต่เป็นทางขึ้นเขาแบบเบาๆ แต่ระหว่างทางจะมีพิพิธภัณฑ์ย่อมๆให้เข้าไปอ่าน ชม หรือมีแบบ audio ด้วยค่ะ สนุกดี

จุดที่เห็นเป็นบ้านกลางหมอกคือร้านอาหาร ใกล้ๆเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก เป็นสะพานยื่นออกไป หนึ่งไม่ได้เดินไปดูเพราะฝนตก ไม่อยากเปียกไปมากกว่านี้ ><


เดินมาจนถึงเหมืองเกลือแล้ว มองกลับไปสวยมากๆค่ะ เหมือนกำลังอยู่ในเมืองเทพนิยายอะไรประมาณนั้นเลย



มาถึงตัวเหมืองแร่เราต้องเปลี่ยนชุดก่อนแล้ว้ข้าไปเป็นกรุ้ปโดยจะมีไกด์ประจำกรุ้ปดูแล เค้าจะพูด 2 ภาษาคือภาษาเยอรมันและอังกฤษ ไกด์จะแต่งตัวประมาณนี้เลยค่ะ เค้าจะให้ฝากกระเป๋าข้าวของที่คิดว่าไม่จำเป็นไว้


 
 

เปลี่ยนชุดเสร็จก็เตรียมพร้อม


 
 

ทางเดินเข้าไปเป็นอุโมงค์แบบนี้ค่ะ

 
 


 
 

อากาศข้างในจะเย็นๆ ข้างในจะมีจุดสำคัญๆที่ไกด์จะพาหยุดชม แต่ละจุดมีจอภาพแสดงเล่าเรื่องซึ่งทำได้ดีมากๆค่ะ ทำได้สนุก เข้าใจง่าย หนึ่งคิดว่าแม้กระทั่งเด็กๆดูก็จะเข้าใจ เค้าจะมีตั้งแต่การเกิดเหมืองเกลือแห่งนี้ว่าทำไมเหมืองเกลือมาอยู่บนเขาสูง ความสำคัญของเกลือในยุคอดีต การค้นพบเหมืองเกลือแห่งนี้และศพของมนุษย์โบราณซึ่งเป็นจุดกำเนิดของการศึกษาประวัติศาสตร์ของเมือง และวิวัฒนาการของการทำเหมืองแร่

การแสดงว่าทำไมเกลือจึงมาอยู่ในภูเขาสูงแบบนี้
 
 

 
 

ข้างในมืดมากๆ การแสดงเค้าเน้นการจัดแสงและภาพ
 
 


ในเหมืองมี slider สนุกๆให้ได้เล่นถึง 3 จุด เด็กๆชอบมากๆค่ะ ผู้ใหญ่แบบหนึ่งก็ชอบด้วย อิอิ slider อันสุดท้ายชันสุดแนะยาวสุด เค้ามีจอ monitor ความเร็วด้วยค่ะว่าลงมาด้วยคส่มเร้วเท่าไหร่ ก่อนจะออกจากเหมืองแร่ด้วยการนั่งรถไฟยาวๆออกมา สนุกและประทับใจมากๆๆ ถ้ามีโอกาสได้มาเมืองนี้ ขอแนะนำว่าอย่าพลาดนะคะ

แต่สำหรับคนที่ไม่อย่างสไลด์ลงมาเค้าก็มีบันไดให้เดินลง แต่หนึ่งว่าตรู้ดดดลงมาสนุกกว่า กระชุ่มกระชวยดี ^_^

 
 

 
 

ตอนเข้าเหมืองแร่เราเดินกันเข้าไป แต่ตอนออกเรานั่งรถไฟยาวออกมา สนุกมากๆค่ะ เด็กๆชอบใจ ผู้ใหญ่สนุก

ออกจากเหมืองเกลือเห็นน้ำตกสดชื่นแบบนี้

 
 


 
 

ลงจากเขาด้วยกระเช้า ขอไปเก็บตกบรรยากาศของเมืองก่อนกลับซักเล็กน้อย

 
 

 
 

จตุรัสเดียวของเมืองค่ะ บ้านสีๆแบบนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของยุโรป แต่ต้นไม้เลื้อยบ้านและกระถางต้นดอกไม้ริมหน้าต่างแบบนี้เห็นได้บ่อยๆที่ออสเตรีย

 
 

 
 

 
 

ปิดท้ายเมืองนี้ด้วยจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาเก็บภาพ เป็นภาพใน postcard ค่ะ

 
 

 
 

เดินทางออกจาก Hallstatt ท่ามกลางสายฝน แต่ก็เป็นเมืองที่ประทับใจและสนุกเหมืองหนึ่งเลยค่ะ ^_^
 
 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***


adrenalinerush
About me

Deeply in love with traveling, cooking and baking. Also love to write and like to share. Join me in traveling and kitchen adventures!

YOU MIGHT ALSO LIKE

salzburg
Salzburg
June 29, 2015
Innsbruck
Innsbruck เมืองสวยในอ้อมกอดของเทือกเขาแอลป์
June 29, 2015

7 Comments

Voravit
Reply January 30, 2016

ไปช่วงเดือนไหนครับ

Pik
Reply February 21, 2016

ขอสอบถามว่าใช้เวลาในเหมืองนานมั้ยคะ

    adrenalinerush
    Reply February 21, 2016

    ใช้เวลาไม่นานมากค่ะ ไม่เกิน 30 นาทีค่ะ (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)

FUFY
Reply April 16, 2016

เราไม่ได้ไป...

Thanun Boonyakiat
Reply January 22, 2018

ขออนุญาตตามรอยครับ Innsbruck กับ Salbrug พักที่ไหนครับ

    adrenalinerush
    Reply January 22, 2018

    จำไม่ได้แล้วค่า ไม่ได้เก็บไฟล์ไว้ด้วยอ่ะค่ะ ทริปนี้ 4 ปีได้แล้วค่ะ

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Leave a Reply to adrenalinerush Cancel