Hakodate morning market
Hakodate Asaichi(Hakodate morning market) หรือตลาดเช้าที่ฮะโกะดะเตะถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวฮอตอิตติด 1ใน 3 ของสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำของเมือง เดินทางสะดวกมากกกกเพียง 350 เมตรจากสถานีรถไฟ JR Hakodate หรืออีกนัยหนึ่งคือมันอยู่หน้าสถานีรถไฟเยื้องไปทางขวานั่นเอง
เดือน พ.ค-ธ.ค เปิด 5:00-12:00
เดือน ม.ค-เม.ย เปิด 6:00-12:00
แต่บางร้านอาจจะเปิดถึงป่าย 2
พวกเราไปถึงไม่เช้ามากค่ะ ประมาณเกือบ 8 โมง เอากระเป๋าไปฝากที่สถานีรถไฟก่อนมาเดินตลาด ที่ญี่ปุ่นจะมีล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าให้เช่าทุกสถานีรถไฟ สะดวกสบายมากๆ เพราะไม่ต้องลากกระเป๋าเที่ยวหลังจากเช็คเอาท์โรงแรม
แค่ไม่กี่ก้าวจากสถานีรถไฟก็มาถึงแล้ว เดินสำรวจกันเลยค่ะ
มีอะไรขายบ้างที่ตลาดเช้า บอกเลยว่ามากมายค่ะ ซีฟู้ด ผัก ผลไม้ ขนมใดๆ สามารถหาได้ที่นี่ มีร้านค้ามีกว่า 280 ร้าน มีทั้งในตัวอาคารอารมณ์แบบเดินตลาด อตก และมีแบบรอบๆนอกตัวอาคารด้วย เห็นแล้วละลานตาไปหมดเลือกไม่ถูกว่าจะดูอะไรดี แต่หนึ่งสังเกตว่าส่วนใหญ่เป็นซีฟู้ด กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งของสด ของแห้ง มีให้เลือกมากมาย นอกจากนี้โดยรอบและภายในของตลาดเช้ายังมีร้านอาหารมากมายที่รับปรุงอาหารที่ซื้อสดๆจากตลาดแล้วเดินไปปรุงมี่ร้านได้เลย เรียกได้ว่ารับประกันความสดอร่อยกันเลยทีเดียว
หนึ่งเดินไม่ครบทุกร้านหรอกค่ะ เพราะเดินไปกินไป อิอิ สรุปว่าเดินดูแต่อาหารทะเล ปลาสดมากกกกก ไข่ปลามีมากมาย เห็นแล้วอยากซื้อกลับบ้าน มีป้ายบอกว่า ซื้อเสร็จเอาขึ้นไปกินร้านอาหารชั้น 2 ได้นะจ้ะ
เห็นปลาหมึกดำตัวใหญ่กลางลานในตลาด ใกล้ๆกันมีบ่อสีน้ำเงินขนาดใหญ่ที่มีญี่ปุ่นมุงมากมาย เราเลยไปมุงกับเค้าบ้าง เห็นปลาหมึกสีดำแหวกว่ายอยู่ในน้ำหลายตัว แต่น้องปลาหมึกเหล่านี้คงไม่สำราญใจเท่าไหร่นัก เพราะไม่นานจะมีคนมาตกหมึกในกะบะไปแล่ๆหั่นๆกันสดๆ จะๆให้เห็นกับตากันเลย เนื้อปลาหมึกคงสด กรอบ หวาน อร่อย แต่นี่คือการมโนของเราเอง เนื่องจากเราไม่ได้ลองกันค่ะ ได้แต่ยืนส่องๆดูๆแล้วจากไปเพราะเราไม่ได้เป็นแฟนปลาหมึกกันเท่าไหร่
แต่ที่เราทุกคนชอบกันมากๆ แบบยกนิ้วให้เลยคือ หอยย่างค่ะ หอยหน้าตาคล้าย scallop หรือหอยเชลล์แบบนี้ขอบอกว่าย่างอร่อยมากกกกก อยากได้ตัวไหนชี้ๆๆๆ แล้วเอาไปย่างสดๆหน้าร้านเลย เค้าจะเทน้ำซ้อสสีดำๆลงไปตอนย่าง ขอบอกว่าต้องลองค่ะ เพราะหวาน อร่อยมากกกก จนเราต้องสั่งเบิ้ล
จริงๆเราที่เราหมายมั่นกันว่าจะทานเป็นอาหารเช้าวันนี้คือ “ปู” และปูก็เยอะมากจริงๆ เดินไปทางไหนเห็นแต่น้องปูเต็มตลาด สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่เรายิ่งนัก
หน้าน้องปูแบบจะๆ เท่าที่เห็นขายกันในตลาดมี 2 พันธุ์หลักๆคือเจ้าตะปุ่มตะป่ำตัวนี้ และน้องปูขนรูปบนๆ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวนี้จะเป็นที่นิยมมากกว่า เพราะเห็นขายเยอะกว่า เยอะมากๆเหมือนเป็นปูเลี้ยงเลยค่ะ
หลังจากเดินสำรวจโหงวเฮ้งร้านต่างๆ เราตัดสินใจซื้อปูร้านนี้ อยากได้ตัวไหน ชี้ๆๆ ได้เลยค่ะ แม่ค้าจะชั่งน้ำหนักให้ ตาชั่งเค้าก็เก๋มากๆอย่างที่เห็น แม่ค้าคำนวณราคาปูตามน้ำหนัก ไม่ต้องห่วงว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะคะ แม้ว่าเราจะพูดภาษาอังกฤษ(และภาษาใบ้) แม่ค้าก็สามารถตอบมาเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เราเข้าใจกันได้ ตกลงราคา จ่ายเงินกันได้ แถมสามารถเลือกวิธีการปรุงได้อีกต่างหาก
น้องปูตัวเป็นๆจะสีเหมือนรูปซ้าย แต่ถ้านึ่งแล้วจะสีสดส้มขึ้นมาเหมือนรูปขวา
ปูตัวใหญ่แค่ไหน เทียบให้ดูกันเลย อันนี้ถือว่าขนาดเบาๆ หนึ่งรู้สึกว่าหน้าตาเธอเหมือนแมงมุมยักษ์มากกว่าปูนะคะ
ซื้อปูเสร็จทางร้านปูจะหิ้วปูไปให้ร้านอาหารชั้นสองจัดการ โดยก้ามปูทำเป็นซูชิ ส่วนที่เหลือเผา เราสั่งหอยจากร้านนี้เพิ่มด้วย แบบว่าติดใจ เอาไปย่างอร่อยๆๆๆ
จ่ายเงินเสร็จเราก็เดินสวยๆไปร้านชั้น 2 ของอาคาร หน้าตาเหมือนร้านอาหารทั่วไป มีคนญี่ปุ่นแวะมาทานอาหารเช้าหลายโตีะ เราสั่งซุปกับข้าวสวยมาคนละชุด แล้วไปนั่งรออาหารที่โต๊ะ ไม่นานน้องปูก็พร้อมเสิร์ฟ เราต้องจ่ายค่าทำอาหารให้ร้านซึ่งแยกต่างหากกับค่าปูด้วยนะคะ
ปูเผามาถึงก่อน จานใหญ่ๆตัดเป้นชิ้น งับมาให้พร้อมกินได้เลย
แกะๆกันเลยค่ะ มีมือแกะมาด้วย แต่กินแล้วหนึ่งเฉยๆนะคะ เนื้อปูจืด ไม่หวานอย่างที่คิด แอบผิดหวังเล็กน้อยเพราะคิดว่าจะอร่อยกว่านี้ ปูเผา ปูนึ่งบ้านเราเนื้ออร่อยกว่า…อันนี้ความเห็นส่วนตัว
เจ้าสามเหลี่ยมจานซ้ายมือน่าจะเป็นส่วนอกที่คนญุ่ปุ่นกินกันและแยกใส่จานต่างหากมาให้เลย เคียวแล้วดึ๊งๆ รสชาติบอกไม่ถูกแต่ก็อร่อยนะคะ ส่วนเจ้าซาชิมิก้ามปูที่ทำมาเป็นพู่ๆอันนี้ ขอบอกว่า หวาน ไม่คาว เนื้ออร่อยมากค่ะ สรุปได้ว่า ปูกินดิบอร่อยกว่ากินสุก จริงๆเรากินหอยด้วย แต่เป็นหอยย่างแบบเดียวกับรูปบนๆที่กินแล้วติดอกติดใจจนต้องสั่งอีก
มื้อนี้เราจ่ายค่าทำอาหารไป 2000 เยน ไม่รวมค่าปู 1.5 กก และหอยเชลล์ 3 ตัว (10,000 เยน) มื้อนี้จ่ายหนักสุดเลยค่ะ แต่เราไม่ได้มากันบ่อยๆ จัดไปค่ะ กินกันแค่นี้ไม่น่าเชื่อว่าอิ่มกันนะคะ แต่จริงๆแล้วอิ่มค่ะ แบบสบายท้องด้วย
จริงๆแล้ว เมนุแนะนำที่คนมาเดินตลาดต้องกินคือ ข้าวหน้าทะเล (seafood rice bowl) ถ้าได้กินเมนูนี้ถือว่าบรรลุ หนังสือท่องเที่ยวบางเล่มว่างั้น หากินได้ไม่ยากค่ะ ตามร้านอาหารโดยรอบที่มีให้เลือกหลายร้าน แต่เนื่องจากเราตัดสินใจกินปู กิน หอย กันไปแล้ว เมนูนี้เลยไม่ได้ลองกิน แต่มิเป็นไร ถึงยังไงเราก็จะดึงดันที่จะบอกว่า มาถึงฮะโกะดาเตะแล้วน้ะจ้ะ
หลังจากอิ่ม ก็มาเดินต่อ ตลาดมีด้านนอก มีร้านอาหารอยู่รอบๆ ส่วนใหญ่ของจะซ้ำๆกันค่ะ เราเดินฆ่าเวลาดูสีสันของตลาดก่อนไปขึ้นรถไฟ
ด้านนอกก็มีตกหมึกเหมือนด้านใน แต่อ่างเล็กกว่า เด็กๆชอบใจ ตื่นเต้นกันใหญ่ ส่วนเมลอนกินที่นี่ไม่ค่อยถูกใจนัก รสหวานแต่เนื้อยุ่ยไปนิดนึง หนึ่งชอบแบบหวานกรอบเหมือนกินที่โอตารุมากว่า เดาเอาว่าน่าจะเป็นอีกพันธุ์
เคยได้ยินคนกล่าวไว้ว่า คนเอเซียเก่งเรื่องค้าขาย หนึ่งก็อยากจะสนับสนุนคำพูดนี้ เนื่องจากร้านจำนวนมากที่ขายของคล้ายๆกัน แต่ละร้านก็พยายามงัดกลยุทธ์ส่งเสิรมการขาย เรียกลูกค้าเข้าร้านแบบไม่ซ้ำกัน ร้านนี้พนักงานแต่งตัวเท่ห์มาก เหมือนไปทำงานออฟฟิส ผูกเนคไท ร้องเรียกเชิญชวนลูกค้าอย่างคล่องแคล่ว บางร้านมีป้ายภาษาต่างๆ สร้างความคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวด้วย มองไปเห็น ภาษาไทยตัวใหญ่เบ้ง บ่งบอกว่า คนไทยมาเที่ยวเยอะนะคะ เขียนได้สวยแบบคนไทยอย่างหนึ่งยังอายเลยค่ะ
จบการเดินตลาดแบบอิ่มท้อง บล็อกต่อไปของญี่ปุ่นจะพาไปแช่ออนเซนค่า ขอบคุณที่แวะมาเที่ยวด้วยกันนะค้า
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
FUFY
June 26, 2015คอดพ่อคอดแม่ปูจริงๆ ยังกะแมงมุมยักษ์
ปล. คนขายปลาผูกเน็กไทขายด้วยล่ะ ว้าววว