Champagne
ออกตัวก่อนว่าหนึ่งไม่ได้เป็นนักดื่มแค่จิบนิดๆหน่อยๆ แต่ทริปนี้จัดทั้งแชมเปญและไวน์จนรู้สึกชอบเครื่องดื่มทั้งคู่นี้ขึ้นมาแล้ว 😉 เวลาพูดถึง แชมเปญ เรามักคิดถึงเครื่องดื่ม sparkling wine ที่มักเปิดเวลาต้องการฉลองใช่ไหมคะ จริงๆแล้วแชมเปญเป็นชื่อเขตหรือแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศสที่ผลิตเครื่องดื่ม แชมเปญ นี่เอง ตามกฎหมายของ EU และประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้จะเรียก “Champagne หรือ แชมเปญ” คือ Sparkling wine ที่ผลิตในแคว้นแชมเปญเท่านั้น ถ้าผลิตในประเทศอื่นเรียก “sparkling wine” ห้ามเรียกแชมเปญว่างั้นเถอะ
หนึ่งมาทำอะไรที่แคว้นแชมเปญ
แม้จะไม่ใช่นักดื่มและไม่ได้เป็นแฟนคลับเครื่องดื่มตัวนี้แต่ก็อยากไปเที่ยวถึงแหล่งเค้านะ อยากรู้ว่าเค้าผลิตกันยังไง อยากไปชิมแชมเปญจากแหล่งผลิตหรือ champagne house แบบถึงที่เลย ด้วยความที่อยู่ไม่ห่างจากปารีส (ประมาณ 150 กม) และลองหลับตาจินตนาการถึงไร่องุ่นในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีสิคะว่าจะสวยงามแค่ไหน ดังนั้นอย่ารอช้า มาเที่ยวแคว้นแชมเปญกับหนึ่งกันเลยค่ะ ^_^
หนึ่งวางแผนมาเที่ยวแคว้นนี้เป็นจุดแรกหลังจากบินมาถึงปารีส (เราถึงสนามบิน 9:30 น กว่าจะจัดการเรื่องกระเป๋า เช่า pocket wifi และรับรถก็ 11 โมงกว่าๆแล้ว) เพราะระยะทางที่ไม่ไกลมาก ไม่เหนื่อยมากหากต้องเที่ยวเลย โดยมีเวลาเที่ยวแคว้นนี้ 1 วันครึ่งโดยขับรถตามเส้นทาง Vallée de la Marne ไปค้างที่ Epernay ก่อนจะขับรถไปแวะเมือง Troyes โดยแวะชิมแชมเปญจาก 3 เจ้า (Champagne house)
มาดูแผนที่กัน วงกลมที่วงไว้คือจุดที่เราแวะ
แผนที่ By DalGobboM¿!i? – Own work, GFDL, Link
จุดมุ่งหมายแรกคือ Charly-sur-Marne เพื่อชิมไวน์จาก champagne house ที่หามาคือ Champagne Fallet Dart แต่เรามาถึงประมาณบ่ายโมงครึ่ง หิวกันสิคะ เราปรึกษากันแล้วว่าควรจะหาอาหารกินก่อนจะมาชิมแชมเปญ เราไปทานอาหารที่ร้าน
Auberge du Lion d’Or ร้านอาหารที่อยู่แถวนั้น เป็นอาหารมื้อแรกที่ฝรั่งเศสและประทับใจมาก เพราะราคาที่คุ้มค่าที่สุด (สุดๆ) และรสชาติที่ค่อนข้างถูกปาก อ่านรีวิวอาหารร้านนี้แบบเต็มๆได้ ที่นี่
หลังจากท้องอิ่มแล้ว เราพร้อมที่จะชิมแชมเปญกันแล้วค่ะ ^_^
ไร่องุ่นยังไม่ค่อยเปลี่ยนสีเท่าไหร่ ใบยังค่อนข้างเขียวอยู่แต่ต้อนไม้บางต้นเปลี่ยนสีไปแล้ว
ซักภาพเนอะ เป็นหลักฐานว่ามาถึงแล้ว อิอิ
ต้นที่ใบเปลี่ยนสีก็มีนะ สีเธอแดงได้ใจจริงๆ รุมถ่ายรูปกันอยู่นานมากเพราะเพิ่งเป็นจุดแรกที่ใบไม้เปลี่ยนสีชัดๆ ^_^
champagne house เจ้าแรกที่เราชิมกัน จริงๆต้องบอกว่าหลงเข้ามามากกว่าเพราะคิดว่าเป็นอีกเจ้า แต่ก็ลองชิมเพราะคุณลุงเจ้าของอัธยาศรัยดีมาก พูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยและคุณลุงนี่แหละที่เป็นแนะนำร้านอาหารอร่อยที่เราไปกินก่อนหน้านี้ (เราหลงเข้ามาเลยถามร้านกินข้าวคุณลุงก่อนจะเข้ามาอีกรอบเพื่อชิมแชมเปญ ชิมไป 4-5 แบบได้ค่ะ ซื้อติดมือกันคนละ 2-3 ขวด คือ ราคาน่ารักมากๆ ตกขวดละ 13-15 ยูโร แชมเปญเจ้านี้รสจะไม่เข้มมาก ดื่มง่าย คุณลุงช่วยอธิบายเรื่องความหวานของแชมเปญให้เราเข้าใจด้วย
มาถึงเจ้าที่ 2 เป็นเจ้าที่ตั้งใจจะมา อยู่ใกล้กันนิดเดียว ประมาณ บ้านถัดไปเลยค่ะ Champagne Fallet Dart ชื่อก็คล้ายๆกันอีกเนอะ คุณลุงบ้านแรกบอกว่าเป็นญาติๆกัน เจ้านี้ดูค่อนข้างมีชื่อในระดับท้องถิ่น มีคนแวะมาชิมแชมเปญกันเยอะ สถานที่ก็ใหญ่โต กว้างขวางกว่า เราขับรถมาถึงยังไม่ได้ตรงดิ่งไปชิมแชมเปญเลย แวะเดินเล่นรอบๆ ซึ่งเป็นเหมือนฟาร์มขนาดใหญ่ จริงๆตั้งใจหาไร่องุ่นเพื่อหามุมถ่ายรูปแต่ไม่พบ เค้าคงปลูกที่อื่นแล้วค่อยนำมาผลิตที่นี่ ไม่เป็นไร เดินเล่นเพลินดี รอให้ระดับแชมเปญเจ้าแรกลดด้วย ^_^
องุ่นที่เค้าปลูกโชว์หน้าห้องชิมแชมเปญ กำลังออกลูกงามเลย หนึ่งอ่านๆดูเรื่องการผลิตแชมเปญ มันซับซ้อนกว่าที่คิดไว้ เริ่มตั้งแต่พันธุ์องุ่นที่ปลูกกันเลยทีเดียวค่ะ
เข้าไปชิมแชมเปญกันต่อค่ะ เจ้านี้มีลูกค้าแวะเวียนกันมาไม่ขาดสายเลย เราเข้าไปมีลูกค้าสวนออกมา ขณะที่เราชิมมีลูกค้าเข้ามาใหม่อีกด้วยแม้ว่าจะ 6 โมงเย็นแล้ว เค้าดูแลลูกค้าเป็นทางการคุณลุง แต่คุยไปคุยมาพอรู้ว่าเป็นคนไทยเค้าดีใจมาก ไปตามพี่สาวที่เคยทำงานที่ กทม มาคุยด้วย คุยกันถูกคอแถมพาเราไปดูเครื่องไม้เครื่องมือที่ผลิตแชมเปญในโรงงานด้วย ^_^ เราชิมกัน 3 แบบ รสชาติแน่นและกลมกล่อมกว่าเจ้าแรก (มิน่าลูกค้าเยอะ) แต่ราคาก็สูงกว่านิดหน่อย เราซื้อกันอีกคนละ 1-2 ขวด อยากซื้อให้เยอะกว่านี้แต่ไม่มีปัญญาจะขนกลับ 😉
จบวันแรกด้วยการท้องที่แน่นไปด้วยอาหารและแชมเปญ วันแรกก็มึนกันแล้ว อิอิ หนึ่งดื่มไม่เยอะเพราะต้องเป็นคนขับรถ จากจุดนี้เราขับรถตรงไปค้างที่เมือง Epernay เพื่อไปชิมแชมเปญเจ้าดังระดับโลก ดีงามขนาดไหน ตามไปอ่านได้ที่นี่
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
FUFY
November 8, 2016LOVE, LOVE, LOVE. ^_^