Alesund-Geiranger
เราเดินทางจาก Bergen ไป Alesund ด้วยการบินกับสายการบิน wilderoe เครื่องบินลำเล็กที่เสียงเครื่องดังหน่อยแต่แอร์โฮสเตสน่ารักมากกกกก ยิ้มแย้มแจ่มใสสุดๆ อยากมอบรางวัลบริการดีเด่นให้เพราะให้บริการด้วยใจจริงๆ ใช้เวลาบินประมาณ 50 นาทีก็แลนดิ้งที่สนามบิน Alesund (โอเลซุน)ตามแผนคือรับรถแล้วเที่ยวกันเลยเรามีเวลาเที่ยวเมืองนี้ครึ่งวันก่อนขับรถไป Geiranger แล้วเมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยว?
เมืองนี้เป็นเมืองที่เล็กแต่น่ารัก ตึกอาคารดูแปลกตากว่าทุกเมืองที่เราไป การเที่ยวง่ายมากค่ะเพราะเหมือนกันทุกเมืองคือ…ไปที่ท่าเรือ อิอิ เมืองนี้จอดรถฟรี เราจอดรถใกล้ bus station แถวท่าเรือแล้วเดินเที่ยวย่านเมืองเก่าซึ่งอยู่ใกล้ๆเลย เลยไป 5 นาทีถึง
เดินชมเมืองเก่าใกล้ท่าเรือกันค่ะ
รูปปั้นผู้หญิงกำลังทำอาหาร เหมือนจะย่างปลา บ่งบอกถึงอาชีพที่ผูกพันกับคนที่นี่มายาวนานนั่นคือการประมงนั่นเอง
จากเมืองเก่าสามารถมองไปเห็นจุดชมวิวอันเลื่องชื่อของเมืองด้วยนะคะ เห็นทางเดินซิกแซกหลังตึกไหมคะ นั่นหละ แต่เราไม่เดินขึ้น ขับรถไปโลด ^_^
ชมเมืองเก่าไม่นานเพราะเราเดินทางไปถึงวันอาทิตย์บ่ายแก่ๆ ร้านรวงส่วนใหญ่ปิดหมดแล้วและบรรยากาศดูเงียบเหงา ไปจุดชมวิวกันดีกว่าค่ะ
Fjellstua at the point of Aksla
เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมือง Alesund ได้แบบพานอรามา ที่สำคัญ “ฟรี” ไม่เสียค่าชม ไม่เสียค่าที่จอดรถ จะเดินขึ้นตามถนนซิกแซกในรูปข้างบนหรือขับรถมาเหมือนเราก็ได้ ถ้าขับรถมาต้องทำใจเรื่องถนนที่ค่อนข้างแคบแทบจะสวนกันไม่ได้ แต่วิ่งแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันก็ไปได้ค่ะเพราะรถวิ่งขึ้นมาไม่เยอะมากวิวจากจุดนี้ สวยมากๆ
ใช้เวลาเที่ยวเมืองนี้ไม่ถึง 2 ชั่วโมงเสร็จค่ะ ^_^
มาเที่ยวเมืองสุดท้ายกันค่ะ Geiranger เราพักแถวเมืองนี้ 2 คืนแต่ไม่ได้พักใน Gieranger city เพราะที่พักเต็มทุกที่ ขนาดวางแผนก่อนล่วงหน้า 7 เดือนยังไม่สามารถจองที่พักในเมืองได้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของนอร์เวย์จริงๆ คืนแรกเราพักที่เมือง Eidstal ก่อนถึง Geiranger โดยขับรถออกจาก Alesund ตอนค่ำส่วนคืนที่สองพักหลังเขาห่างจาก Geiranger ไป 60 กม สำหรับที่พักทั้งสองคืนขอไม่รีวิวนะคะ เพราะรู้สึกว่าไม่สะดวกทั้งคู่และไม่อยากแนะนำ ข้ามไปเรื่องเที่ยวเลยดีกว่า
ขับรถจาก Alesund ไปถึงที่พักที่ Eidstal ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งและต้องข้ามเฟอร์รีโดยเอาเอารถลงเฟอร์รี่ไปด้วย ค่าโดยสารเรือ รถ 70 NOK ส่วนคนละ 29 NOK เรือเฟอร์รีมีให้บริการถึง 5 ทุ่มในช่วงหน้าร้อน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที เช็ครอบของเฟอร์รีได้ที่นี่ค่ะ
http://www.fjord1.no/eng/ferry/ferry-timetables/more-og-romsdal/eidsdal-linge
เริ่มเที่ยววันรุ่งขึ้นค่ะ แต่เช้าเลยเพราะเรามาถึง Eidstal พร้อมสายฝนและอาการจิตตก คือเวลาไปเที่ยวก็อยากเจออากาศดีนะเช็คดูพยาการณ์อากาศเห็นว่าอากาศจะดีช่วง 8-12:00 เท่านั้น หลังจากนั้นฝนจะตก! ไม่ได้การสิคะ มาทั้งทีก็อยากเที่ยวสวยๆ คนน่ะสวยอยู่แล้ว(หรา)แต่ที่เที่ยวขอมีแดดนิดนึง ถ่ายรูปออกมาจะได้อะลังๆ จัดไปค่ะ ตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้าออก 7 ครึ่งเมินอาหารเช้าที่พักเลยค่ะ (เที่ยวกับทัวร์ยังไม่ออกเช้าขนาดนี้นะ!)
การเที่ยวไม่ยากเลยค่ะ เที่ยวตาม National Tourist Route 63, Geiranger-Trollstigen
ซึ่งจะมีจุดให้แวะเที่ยวแวะชมหลายจุด ข้อมูลการท่องเที่ยวหาง่ายมากๆค่ะ เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่นะคะhttp://www.nasjonaleturistveger.no/en/routes/geiranger-trollstigen
ขอยืมแผนที่เค้ามาใช้
ลักษณะการเที่ยวเราจะแปลกนิดนึงเพราะไปเริ่มเที่ยวทางฝั่ง Eidstal ก่อนแต่สุดท้ายก็เก็บจนเกือบครบ
เริ่มที่ Ørnesvingen viewing point จุดชมวิวที่สามารถมองเห็น Geiranger fjord และน้ำตก Seven Sisters
ซ้ายมือสุดของภาพที่เห็นเมืองอยู่นั่นคือ Geiranger city นั่นเอง
ส่วนขวามือสุดคือน้ำตก Seven Sisters เลนส์หนึ่งไม่ไวด์พอที่จะเก็บภาพได้หมดในรูปเดียว แบ่งให้ดูสองรูปเลยละกัน ^_^
ขับรถเข้ามาในตัวเมืองแแวะชมนู่นชมนี่นิดนึง
ถนนคดเคี้ยวบน Ørnesvingen ที่เราเพิ่งจากมา ถนนลักษณะนี้มีหลายแห่งมากในนอร์เวย์
เรือ Hurtigruten เรือเฟอร์รีลำใหญ่ที่แล่นเส้นทางเหนือ-ใต้ของนอรืเวย์ เป็นอีกทางเลือกในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศนี้
ผ่านตัวเมืองขึ้นเขาไปชมวิวที่ Flydalsjuvet กันค่ะ เป็นจุดชมวิวยอดนิยมเพราะเข้าถึงง่าย มีจุดจอดรถริมถนนและเดินไปอีกไม่ไกล เป็นจุดที่เห็น Geiranger Fjord ได้ชัด จุดนี้เป็นจุดที่ถ้าเข้าไปในร้านขายโปสเตอร์จะมีคนยืนโพสท์ท่าตรงชะง่อนหินด้านขวาของรูป แต่ตอนนี้มีการกั้นรั้วเอาไว้ สงสัยเคยมีนักท่องเที่ยวตกลงไป
ขับรถขึ้นเขาตามเส้นทางอันลดเลียวพับไปมาและชันตามเส้ย 63 เราจะไปจุดชมวิวที่สูงที่สุดกันค่ะ Dalsnibba view point จริงๆแล้วไม่ได้อยู่บนถนนสาย 63 แต่ก็อยู่ใกล้ๆกันนั่นแหละ มีทางแยกขึ้นเขาและต้องจ่ายเงินค่าขึ้น 110 NOK คิดต่อคันรถและไม่มีภาษีค่ะ (ดีตรงไม่มีภาษีนี่แหละ) Dalsnibba อยู่สูงกว่าระดับทะเล 1,476 เมตรและมีหิมะปกคลุมทั้งปีแม้ในช่วงซัมเมอร์
ถ้าขับรถตามเส้น 63 มาเรื่อยๆจาก Geiranger เห็นจุดนี้เตรียมเลี้ยวซ้ายเลยค่ะ
ด่านเก็บเงินที่รับทั้งเงินสดและบัตรเครดิต
จ่ายเงินเสร็จขับรถขึ้นเขาต่ออีกนิดด้วยความชันขึ้นไปเรื่อยๆและเส้นทางที่โดค้งคด ณ จุดนี้วิวสวยมากกกค่ะ ไม่บอกไม่รู้ว่าเรามาช่วง “ซัมเมอร์” นะตัวเอง
ลงไปเก็บภาพความงามข้างทางก่อนถึงยอดเขานิดนึง
ในที่สุดก็มาถึงยอดเขาและจุดชมวิว จริงๆจากทางขึ้นมาจนถึงยอดไม่ไกลมากแต่ขับรถได้ช้าเพราะทางชันและคดเคี้ยว มีที่จอดรถให้ฟรีและมีร้านขายของที่ระลึกและห้องน้ำ(ที่ใช้งานไม่ได้…แป่ว)
อากาศดี๊ดี ลม(หนาว)เย็น อยู่สูงมากจนเทียมเมฆเลยและจากจุดน้มองเห็น Geiranger Fjord อยู่ไกลๆ
ขยับมาดูอีกมุม เส้นทางคดไปเคี้ยวมานั่นคือถนนที่เราเพิ่งวิ่งมา ใช่แล้วค่ะ เส้น 63 นั่นแหละ #เรามาถึงจุดนี้จนได้ 😉
ไปที่พักเราคืนนี้ค่ะ วันนี้เที่ยวเสร็จเร็วกว่ากำหนด(แหงละ เล่นออกตั้งแต่ 7 โมงครึ่งเพราะกลัวฝนตก ปรากฏว่า….ฝนไม่ตกค่ะ แดดออกท้างวัน อากาศที่นี่ต้องดูกันระดับชั่วโมงเลยนะคะ เปลี่ยนแปลงเร็วยิ่งกว่าอารมณ์หญิงอีก คิๆ กลับมาเรื่องที่พักเรานะคะ เราพักหลังเขาลูกนี้ ขับรถไปอีกปนะมาณ 60 กม หรือประมาณ 1 ชม ทำไมไปพักไกลขนาดนั้น? คำตอบสั้นๆคือ ที่พักในเมืองเต็ม นีขนาดวางแผน 7 เดือนล่วงหน้านะ ไม่เป็นไรค่ะ เรามีรถ ถือว่าขับรถเล่นแล้วกัน วิวข้างทางสวยไม่เบาเลยนะ ^_^
จากวิวหิมะมาเป็นมุ่งหญ้าสีเขียวแบบนี้เลย ฟาร์มนี้สดชื่นมากๆ ธรรมชาติสุดๆ
คืนนี้พักไกลหน่อย ตอนเช้าก็ขับรถกลับเส้นทางเดิมแต่ยิงยาวข้ามเฟอร์รีที่จุดเดิมแล้วไปเที่ยว Trollstigen อันเลื่องชื่อที่อยู่อีกฝั่ง
ระหว่างทางแวะชมน้ำตกที่ Gudbrandsjuvet ก่อน กินหนมในคาเฟ่แทนอาหารเช้า น้ำตกสวย น้ำไหลแรงมากๆแต่เราไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่เพราะนอร์เวย์มีน้ำตกเยอะมากๆ ขับรถผ่านเห็นกันจนเบื่อเลยแต่ที่ประทับใจคือการออกแบบจุดท่องเที่ยวเค้า ออกแบบได้เรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติแต่เก๋ไก่มากๆ
พอท้องอิ่มก็ออกเดินทางต่อเลย เป็นถนนที่วิวข้างทางสวยจริงๆ ถ้าใครรักชอบภูเขาเห็นคงปลาบปลื้มสุดๆ ปลายทางของเราคือ Trollstigen ซึ่งจากน้ำตกใช้เวลาประมาณ 30 นาทีแต่รู้สึกว่าไกลเพราะจอดถ่ายรูปตลอดเวลา อิอิ
ถึงแล้วค่า Trollstigen เป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมาก สังเกตลานจอดรถที่กว้างมากแต่รถจอดกันหนาตา คาเฟและจุดชมวิวเค้าออกแบบได้โมเดิร์น โดดเด่นแต่ไม่ขัดกับธรรมชาติ ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมนะคะ แต่ถนนจะปิดช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
มีจุดให้ชมวิว 3 จุดค่ะ ออกแรงเดินนิดหน่อยแต่ทางเดินเป็นบันไดสะดวก เดินไม่ยาก จริงๆถ้าใครชอบ trekking มีเทรลให้เดินนะคะแต่เราไม่ได้เดินเพราะต้องรีบกลับ
จุดนี้คือจุดแรก
จุดชมวิวที่สอง
วิวจากจุดชมวิวที่สาม ถนนแบบหักศอกคดไปมา ว่ากันว่ามี 11 โค้ง ไม่แน่ใจว่าเค้านับกันยังไง เพราะลองนับเองก็รู้สึกงงๆ มุมนี้ต้องใช้เลนส์ไวด์ถึงเก็บได้นะคะเพราะมันกว้างจริงๆ
ทิ้งท้ายด้วยจุดชมวิวจุดที่สาม คือหนึ่งชอบการออกแบบเค้าค่ะ เก๋ ไก๋ ไม่บดบังวิวอันสวยงามด้วย
เป็นทริปที่สวยงามและประทับใจมากทริปนึงเลยค่ะ แต่เรื่องราวของทริปนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะคะ บล็อกเอ็นทรีหน้าจะพาไปดูว่าเรากินอะไรอร่อยๆที่นอร์เวยืบ้าง
ขอบคุณที่แวะมาเที่ยวด้วยกันค่า
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
FUFY
June 1, 2016ตามมาเที่ยวอีกรอบ คริๆ