เที่ยว Phillip Island
ส่งท้ายที่นี่อีกวักรูป
จากนั้นเราตัดใจจากนี้นี่ ขับรถลาฟ้าใสๆ มุ่งหน้าลงใต้ เขยิบไปใกล้เมลเบอร์นเข้าไปอีกเพื่อไปเที่ยว Phillip Island
จุดมุ่งหมายของเราคือที่
Koala Conservation Centre ซึ่งอยู่ที่ Phillip island เห็นชื่อแล้วเดาได้เลยใช่ไหมคะว่าเรามาทำอะไร….ใช่แล้วววว เรามาดูโคเอล่า สัตว์ประจำถิ่นของออสเตรเลียนั่นเอง เราขับรถไปถึงเกือบ 5 โมงเย็นแล้วค่ะ เค้าปิด 6 โมงเย็น รีบซื้อบัตรเข้าไปชม ค่าเข้าชมคนละ 10 AUDทางเข้าค่ะ คุณพนักงานขายบัตรเห็นเราเป็นคนไทยชวนคุยว่าชอบคนไทยมาก เธอมีน้องสะใภ้คนไทยด้วย
ทางเข้ามีคล้ายๆนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับโคเอล่า และมีโคล่าจำลองให้ชมและถ่ายรูปด้วย แต่เรากลัวศูนย์ปิดเลยรีบพุ่งเข้าไปข้างใน ด้านในจะคล้ายๆสวนสัตว์ที่มีแต่โคเอล่า แต่มีป้ายเตือนไว้ด้วยว่าอาจจะเห็นน้องงูขี้อาย เลื้อยไปมา กรี้ด…โคเอล่าอยากเห็นนะคะ แต่..งู…ไม่เป็นไร ไม่ต้องก็ได้ กลัว
เดินเข้ามาด้านในมีคล้ายๆสะพานให้เดิน รอบๆมีต้นยูคาลิปตัสซึ่งเป็นทั้งที่พักและแหล่งอาหารของโคเอล่าด้วย ตอนแรกพยายามสอดส่ายสายตาหา นึกในใจว่าโดนต้มหรือเปล่าน้า พอปรับสายตาได้ก็เริ่มเห็นแล้วค่ะ
นี่ไงล่ะ ดูเป็นก้อนๆปุยๆ น่ารักมาก
ตัวนี้อยู่ค่อนข้างต่ำ มีคนถ่ายรูปเยอะมากๆ
โคเอล่ามีกิจกรรมประจำวันที่น่าสนใจมากค่ะ
เค้าจะนอนวันละ 20 ชม อีก 4 ชม ที่เหลือคือ กิน 2 ชม และทำความสะอาดขนรวมทั้งผสมพันธุ์และเคลื่อนย้ายตัวเองไปมา ไม่น่าแปลกใจเลยค่ะที่ส่วนใหญ่จะเห็นโคล่านอนหลับแบบนี้ รูปไม่ชัดเลย แหะ แหะ
เค้าจะขดตัวนอนตัวเป็นก้อนๆ น่ารักมากค่ะ บางตัวอยู่สูง แต่ไม่หวั่นกลัวตก หลับดูมีความสุขเชียว ที่เป็นแบบนี้เพราะโคเอล่ากินอาหารที่ให้พลังงานน้อยเลยต้องสงวนการใช้พลังงานด้วยการนอนซะเลย
ตัวนี้เริ่มตื่นแล้วค่ะ
เวลาโคเอล่าจะเคลื่อนย้ายตัว เค้าจะทำแบบช้าๆค่ะ น่าเอ็นดู เวลาลงจากต้นไม้ จะถอยหลังลงแบบนี้ น่ารักจริงๆ
นอกจากจะมีโคเอล่าแล้ว เรายังเห็นเจ้าตัวนี้ค่ะ เหมือนหนูตัวใหญ่ มีกระเป๋าหน้าท้องด้วยแต่ดูเล็กกว่าจิงโจ้ หนึ่งจำชื่อไม่ได้แล้วว่าตัวอะไร
ใกล้ถึงเวลาปิดของศูนย์แล้วค่ะ เราออกมาที่จุดขายของที่ระลึก เดินดูของน่ารักๆกัน
ซื้อหนึ่งได้ถึง 3 มีทั้งจิงโจ้ โคล่าและวอมแบท สัตว์พื้นเมืองของออสเตรเลีย
ที่ Phillip Island ยังมีที่ท่องเที่ยวที่ฮิตมากๆ นั่นคือดูพาเหรดเพนกวิน แต่เราคุยกันแล้วว่าจะไม่ไปเนื่องจากค่าเข้าชมแพงมาก 30-40 AUD ถ้าอยากดูใกล้ๆ และเค้าไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้วย เราจึงตัดสินใจไป
The Nobbies ซึ่งเป็นจุดให้ชมแมวน้ำ และจุดนี้ฟรีค่ะ ชอบตรงนี้นี่แหละ 😉ทางที่เราขับรถมาค่ะ แตกต่างจากเมื่อเช้าจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย ที่นี่ลมแรงมากกกกก เวลาตอนที่ถ่ายรูปคือ 1 ทุ่มกว่าๆแล้ว พระอาทิตย์ยังไม่ตก วิ่งลงไปถ่ายรูปได้ไม่ถึงนาที ต้องวิ่งขึ้นรถ ฟ้าเน่าอีกแล้ว ลมแรงและเย็นมากกก
ขับรถไปอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้วค่ะ มีที่จอดรถฟรี มีจุดขายอาหารด้วย ณเวลานั้นหนึ่งหิวมากกกกก เราวนหาที่จอดรถ เพื่อนๆไปเดินกันก่อน แต่หนึ่งทนความหิวไม่ไหว ขอไปกินก่อน
หลังจากกินเสร็จแล้ว มีแรงเดิน แต่เพื่อนๆกลับมาแล้ว พร้อมกับมากดดัน บอกว่าสวยมากๆ หนึ่งก็เลยต้องรีบวิ่งออกไปก่อนที่แสงจะหมด ช่วงนั้น 2 ทุ่มครึ่งแล้วค่ะ
รูปนี้ถ่ายจากจุดข้างๆร้านอาหาร
เรามาเดินโต้ลมไปด้วยกันนะคะ ลมแรงมากๆ อากาศเย็นมากๆ มือกดชัทเตอร์สั่นๆ คนเริ่มน้อยแล้วค่ะ เค้ากลับกันหมดแล้ว….ก็มัวแต่กินอยู่อ่ะนะ
พอเริ่มออกเดินก็เห็นสัว์ป่าเลยค่ะ
ส่วนตัวนี้หนึ่งคิดว่าเป็นเพนกวินเล็ก หนึ่งซูมๆเข้าไป
ทางเดินเค้าเป็นแบบนี้ค่ะ หนึ่งชอบต้นหญ้าเขียวๆแดงๆที่อยู่ด้านข้างจัง
นักท่องเที่ยวเริ่มทะยอยกลับ
หันกลับไปดู สวยนะคะ ถ้าฟ้าใสคงสวยมากๆ
เดินไปจนสุดทางเดิน ไม่เห็นแมวน้ำเลย อ่าๆๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ได้เห็นอย่างอื่นแทน
พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว
หนึ่งรีบเดินกลับไปสมทบกับเพื่อนๆที่นั่งกินข้าวรออยู่ วันนี้เราต้องขับรถอีก 140 กม เพื่อเข้าไปนอนที่เมลเบอร์น ตอนต่อไปจะพาเดินชมเมืองเมลเบอร์นค่ะ
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
FUFY
April 15, 2016ถ้าไปทันตอนแดดยังดีคงสวยมั่กๆ