เดินเที่ยว St Petersburg II
สถานที่ตามหมายเลขเลยคือ
1. Moscow station สถานีรถไฟนอนจากมอสโคว์มาจอด
2. ที่พักเรา Hostel life
3.สะพาน Anichkov
4. อนุสาวรีย์พระนาง Catherine the Great
5. หอนาฬิกา (Tower Clock)
6. Kazanskaya Ploshchad
7. Singer Building
8. Church of the Savior on Spilled Blood
9. Palace square & The Hermitage
10. St Isaac’s Cathedral
11. อนุสาวรีย์พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1
วันนี้หนึ่งจะพาเดินชมเมืองต่อ จุดหมายต่อไปคือ ไป The Hermitage อยู่ห่างกันไปไม่ไกลมากค่ะ ระหว่างทางมีคลองเล็กๆบรรทุกนักท่องเที่ยวเต็มลำแบบนี้ เมืองมีคลองเล็กๆพอประมาณค่ะ บวกกับทิวทัศน์ 2 ฝั่งคลองแนวยุโรป เมืองนี้จึงได้ชื่อว่าเป็น Venice of the North
เดินลัดเลาะตามถนนเล็กๆก่อนจะข้ามคลองไปพบ หมายเลข 9 จากแผนที่ด้านบน คือ Palace square & The Hermitage จตุรัสขนาดใหญ่มีสิ่งก่อสร้างสำคัญๆอยู่ เห็นแล้วไม่หลงแน่ๆค่ะ
เสาที่ตั้งสูงคือ Alexander Column เสาหินที่เป็นอนุสาวรีย์ชัยชนะที่มีต่อฝรั่งเศส
ด้านหน้า ตึกสีเขียวคือพระราชวังฤดูหนาว หรือ The Hermitage
ด้านหลังของ The Hermitage
มองอีกด้าน ตึกครึ่งวงกลมด้านหลังเป็น General Staff Building
แต่เรายังไม่เข้าไปใน The Hermitage ตั้งใจจะไปที่อืนก่อน แล้วค่อยมาจบที่นี่
ว่าเแล้วก็เดินต่อ เป้าหมายคือหมายเลข 10 St Isaac’s Cathedral
เราเลือกที่จะเดินเพราะอยากชมเมืองเค้าไปด้วย และระยะทางในแต่ละที่ไม่ได้ไกลกันมาก กรุ้ปเราชอบเดินกัน 🙂
St Isaac Cathedral เป็นโบสถ์ออธอดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย
ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สวยงามมากๆ ไม่ควรพลาดนะคะ (แต่เราไม่ได้เข้าไปค่ะ)…อ่าว…
โดมสีทองด้านบนเปิดให้ขึ้นไปชมวิวสวยๆของเมืองแบบพานอรามิค เราไม่ได้ขึ้นไป ก็เลยเก็บภาพนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปมาฝากแทน ค่าเข้าชมโบสถ์กับค่าขึ้นโดมต้องจ่ายเงินแยกกัน
ด้านหลังโบสถ์มีสวนที่มีรูปปั้นพระเจ้าปีเตอร์มหาราชทรงม้าอยู่ เราพลาดไปไม่ได้แวะ เพราะรีบ น่าเสียดายมากๆ
คุณผู้ชายคนนี้ไม่ยอมเดินเสียที เลยเอามาเป็นนายแบบเสียเลย อิอิ
ตรงข้ามโบสถ์แค่ข้ามถนนก็ถึงจุหมายสุดท้ายของทริปเราวันนี้ หมายเลข 11 อนุสาวรีย์พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 ทรงม้าอยู่ ด้านขวามือคือโรงแรมเก่าแก่ แต่สวยงาม Astoria hotel
จากนั้นเราเดินกลับไปที่ The Hermitage เพื่อเข้าไปชมภายใน ที่ใครๆก็บอกว่าไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน
The Hermitage เป็นพระราชวังฤดูหนาว สร้างในสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 ทรงเก็บรวบรวมและชื้อภาพเขียนชื่อดังจากยุโรปกว่า 3,000 ภาพ นอกจากนี้มีสัมบัติอื่นๆและอัญมณีอันล้ำค่ามากมายที่สั่งสมใจนถึงยุคสุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ ปัจจุบันถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเกี่ยวพระราชวงนี้ คือ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 (กษัตริย์องค์สุดท้ายของรัสเซีย) พระสหายของสมเด็จพระจุลเจ้าเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาสที่ 5 ได้ทรงชักชวนให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ส่งพระราชโอรสไปศึกษาที่ประเทศรัสเซียโดยพระองค์ยินดีที่จะอุปการะเสมือนพระญาติวงศ์แห่งพระราชวงศ์โรมานอฟด้วยผู้หนึ่ง พระราชโอรสองค์นั้นคือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษภูวนาถ กรมขุนพิษณุโลกประชานาถ และทรงประทับที่พระราชวังแห่งนี้ในระหว่างศึกษาที่รัสเซีย
เข้ามาด้านในแล้วค่ะ
แต่ต้องมาต่อคิวยาว น่าเบื่อเหมือนกันนะ แต่ต้องทำใจเพราะมาเที่ยวช่วง high season แต่โชคดีแถวยาวไม่มาก รอไม่นานเท่าวันที่ไป Catherine Palace เนื่องจากเราใช้บัตรนักศึกษาเข้ามา ไม่ได้เสียเงินค่าเข้าค่ะ (กรี้ดดด) แต่ข้อเสียคือไม่ได้แผนที่
เข้ามาภายในแล้ว สวยงามมากๆค่ะ คุ้มค่าการรอคอย
แค่ทางเข้าก็ตะลึงแล้ว
ภายในมีการจัดแสดงเป็นห้องๆ เราเลือกดูตามที่สนใจเลยค่ะ มีหลายห้องมากๆ ดูกันจนมึนเลยทีเดียว
เดินมาถึงจุดนี้ คล้าย Hall of fame ค่ะ น่าจะเป็นนานยทหาร หรือผู้ที่ทำความดีงามไว้ให้แก่ประเทศ (เดาล้วนๆ)
เพดานยังสวยเลยค่ะ
ห้องสีฟ้า ดูอ่อนช้อย สวยงาม
อันนี้มาแนวแปลกค่ะ สฟิงซ์ศรีษะเป็นผู้หญิง
งานภาพวาดที่จริงๆแล้วมีมากมาย แต่ชอบภาพนี้ค่ะ 🙂
โถแช่ไวน์ ใหญ่และสวยมากกกก
จบ The Hermitage ด้วยภาพนี้ เราดูได้ประมาณเกือบสามชัวโมง ก็เต็มที่แล้วค่ะ
ขอปิดท้ายเมืองนี้ด้วยการพาเที่ยวป้อมปราการ Peter & Paul Fortress ก่อนจะไปถึงป้อม ผ่านมัสยิดสีฟ้าขนาดใหญ่ แปลกใจนึกว่าเราอยู่ผิดประเทศ ^_^
มัสยิดแห่งนี้ชื่อ St Petersburg Mosque สวยงามมากๆ เห็นแล้วคิดถึงอรามณ์โมรอคโคประมาณนั้นเลย มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปตลอด
เดินไปอีกนิดก็ถึงป้อมเป็นเกาะ มีเรือนำเที่ยวอยู่รอบๆ กำลังเรียกลูกค้าอยู่ เราไปข้ามสะพานที่เห็นในรูปเพื่อไปที่ป้อม
เนื่องจากตอนเย็นย้อนแสง หนึ่งไม่มีรูปด้านหน้าป้อมมาให้ดู
Peter & Paul Fortress สร้างโดยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันเมืองจากทหารสวีเดน แต่ไม่เคยได้ใช้ตามวุตถุประสงค์แรกเลย ต่อมาใช้เป็นที่ขุมขังนักโทษการเมือง เคยเป็นที่คุมขัง ซาร์เรวิช อเล็กซิส (Tsarevich Alexis) โอรสองค์โตของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชที่มีความคิดไม่ลงรอยกัน และต้องโทษล้มล้างกษัตริย์ ถูกลงทัณฑ์และสิ้นพระชนม์ที่นี่
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ในบริเวณป้อมมีหอระฆังซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สูง 122.5 เมตรและมีวิหารศักดิ์สิทธิ์ และมหาวิหารปีเตอร์และปอลที่ภายในมีพระศพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช รวมทั้งมีหลุมฝังพระศพของราชวงศ์โรมานอฟหลายพระองค์โดยเฉพาะกษัตริย์โรมานอฟยุคสุดท้ายคือพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ที่ถูกสังหารทั้งครอบครัว
น่าเสียดายที่เราไม่ได้เก็บภาพหอระฆังและวิหารศักดิ์สิทธิ์มาฝากได้เพราะย้อนแสงมากๆ นอกจากนี้ยังพลาดเข้าชมด้วยเนื่องจากเราเข้าถึงก็ 6 โมงเย็น พิพิธภัณฑ์ปิดหมดแล้ว
ร้านขายของที่ระลึก ใกล้ประตูทางเข้า
สามารถขึ้นไปชมวิวบนป้อมได้ค่ะ แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 100 RUB หนึ่งไม่ได้ขึ้นไปเพราะแสงไม่สวยแล้ว ออกจะย้อนแสง คิดว่าถ่ายรอบๆแถวนี้ก็คงพอ เก็บทางขึ้นมาดูแทน อิอิ
ปิดท้ายเมืองนี้ด้วยภาพนี้ค่ะ น่าเที่ยวไหมคะ จริงๆเราพลาดไปหลายสถานที่ มารู้เอาตอนกลับเมืองไทยแล้ว แต่ก็เก็บไฮไลท์มาหมดแล้วล่ะ แฮ้ปปี้แล้วค่ะ
เมืองนี้สวยงามและเที่ยวไม่ยากเลยจริงๆ จบสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว บล็อกเอนทรีหน้ามาดูกันว่าเรากินอะไรกันบ้างที่เมือง St Petersburg
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
FUFY
July 9, 2016วันชิลๆ อีกวัน ^_^