Castella Cake
หายหน้าหายตาไปพักนึงเพราะช่วงนี้หนึ่งเปลี่ยนตารางการทำงาน มีการโยกไปทำงานช่วงดึกทำให้ต้องปรับตัว(ร่างกาย)ไปด้วยเลยไม่มีเวลาสร้างสรรผลงานขนมหรือเขียนบล็อก แต่วันนี้แว้บมาอัพบล็อกสั้นๆ กับขนมที่ถือว่าเป็นขนมเก่าแก่ตัวหนึ่ง ปกติหนึ่งจะลงสูตรขนมที่ตัวเองชอบกินไว้ แต่เค้กตัวนี้ไม่เชิงว่าชอบกินแต่รู้สึกประทับใจกับสูตรที่ไม่มีอะไรซับซ้อน เห็นสูตรแล้วไม่คิดว่าอบออกมาจะได้เนื้อขนมแบบนี้ ตัวขนมรสชาติง่ายๆ กินก็ง่ายเลย ขอบันทึกไว้ในบล็อกไว้เพราะหนึ่งคิดว่าจริงๆน่าจะดัดแปลงหรือทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้มาทำแบบเบสิคกันไปก่อน เกริ่นมาซะยาวเชียว ขนมที่ว่านั่นคือ “Castella cake” นั่นเอง หลายคนอาจะเคยได้ยิน เคยกิน หรือเคยอบขนมตัวนี้มาแล้ว แต่อีกหลายอาจจะงงๆว่า เธอคือขนมอะไร??
Castella cake ถือเป็นสปันจ์เค้กที่เก่าแก่ตัวหนึ่ง ต้นตำรับจริงๆอยู่ที่ประเทศโปรตุเกตแต่ไปฮิตที่ญี่ปุ่นโดยเฉพาะแถบนางาซากิโดยเรียกันว่า Kasutera ตัวเค้กแบบ traditional เลยทำจากส่วนผสมแค่ 4 อย่างคือ แป้ง น้ำตาล ไข่ และน้ำผึ้งเท่านั้น และอบโดยใช้พิมพ์ที่เป็นไม้ ได้ขนมออกมาเนื้อนุ่มๆ ปัจจุบัน Castella Cake มีการปรับทำหลายๆแบบ บางสูตรผสม sp โอวาเล็ตเพื่อให้เนื้อขนมนุ่มขึ้นก็มี แต่วันนี้หนึ่งมาชวนทำขนมตัวนี้แบบ traditional กันค่ะ แต่ไม่ได้อบด้วยพิมพ์ไม้นะคะ ออกมาได้เนื้อขนมนุ่มๆเหมือนกัน มันทำได้จริงๆนะ ไม่ยากด้วยล่ะ
โชว์ๆๆ ผลงานของหนึ่ง
หนึ่งไม่ได้ใช้พิมพ์ไม้อบ ใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวนี่แหละ แต่ใช้วิธีปรับลดอุณหภูมิในการอบให้ต่ำลงก็ได้เนื้อขนมนุ่มๆแล้ว ส่วนตัวรสชาติ เพื่อนหนึ่งให้คำจำกัดความว่าเป็น”ขนมไข่รสน้ำผึ้ง” ส่วนตัวหนึ่งว่ารสใช่เลยคล้ายๆขนมไข่ แต่ตัวขนมมีความนุ่นและแน่นกว่าขนมไข่ เป็นความนุ่มแบบสปริงตัวเหมืองฟองน้ำสมกับเป็น sponge cake เลยค่ะ มีวิดีโอมาให้ชมว่าเธอสปริงตัวแค่ไหน
****ก่อนจะลงมือทำหนึ่งมีข้อสังเกตและข้อควรรู้ก่อนอบขนมตัวนี้***
1. แป้งที่ใช้ ขนมตัวนี้ใช้ “แป้งขนมปัง” อย่าแปลกใจว่าทำไม จริงๆแล้วมีเค้กญี่ปุ่นหลายตัวที่ใช้แป้งขนมปังทำ ซึ่งเราสามารถเดาได้เลยว่าเนื้อขนมจะค่อนข้างแน่นเพราะแป้งขนมปังมีปริมาณโปรตีนที่สูงกว่า ดังนั้น ขนมตัวนี้ธรรมชาติของเค้าจะไม่ได้นุ่มฟู เบา นะคะ จะนุ่มแต่เนื้อจะแน่นขึ้นมาแต่ไม่หนักแบบขนมปังค่ะ
ทำไมจึงใช้แป้งขนมปัง…จริงๆแล้วหนึ่งไม่ทราบค่ะ คิดว่าคงเป็นสูตรดั้งเดิมที่เป็นมาแบบนี้
ใช้แป้งตัวอื่นได้หรือไม่…หนึ่งเคยเห็นบางคนใช้แป้งอเนกประสงค์ แต่ถ้าใครจะไปใช้แป้งเค้กแทนอาจจะต้องดูเรื่องน้ำหนักของแป้งเพราะแป้งเค้กน้ำหนักจะเบากว่าแป้งขนมปัง เมื่อตวงในน้ำหนักที่เท่ากันอาจจะได้แป้งปริมาณไม่เท่ากันและแน่นอนที่สุด มีผลต่อเนื้อเค้กแน่นอน
ส่วนตัวหนึ่งขอเดินอยู่ใน safe zone คือ สูตรว่ายังไงขอทำตามสูตร เพราะอยากกิน castella cake แบบดั้งเดิมจริงๆก่อนที่จะไปดัดแปลงของเค้า (ดัดแปลงมากไป มันก็ไม่ใช่เค้กตัวเดิมจิ..เนอะ)
2. เค้กนุ่มจากอะไร เค้กตัวนี้มีส่วนผสมหลัก 4 ตัวเท่านั้นคือ ไข่ แป้ง น้ำตาลและน้ำผึ้ง สังเกตว่าไขมันน้อยมากกก มีแค่จากไข่แดงเท่านั้น แล้วขนมมันจะนุ่มได้ยังไง…คำตอบคือ
– ไข่ขาว ในสูตรแยกตีไข่ขาวก่อน ซึ่งการตีเมอแรงนี่เองที่ทำให้เกิด foam cell หรือฟองอากาศในเนื้อเค้ก ดังนั้น การตีเมอแรงให้ได้ยอดที่เหมาะสมสำคัญมากๆ ควรตีให้ได้ยอด”firm peak” สังเกตได้จากเนื้อเมอแรงละเอียดมาก มัน วาว ยกตะกร้อขึ้นมาแล้วเมอแรงฟอร์มยอดเป็นตัว j ที่ดูมั่นคงไม่ยวบ ถ้าคว่ำโถ เมอแรงไม่ไหลลงมา ถ้าตีน้อยกว่านี้เนื้อเค้กจะแน่น ไม่ฟู ถ้าตีเกินไป หน้าเค้กจะเหี่ยว ค้กเนื้อหยาบ
– น้ำผึ้ง สงสัยใช่ไหมว่าทำไมน้ำผึ้งทำให้ขนมนุ่มฟูได้ ถ้าใครเคยอ่านบล็อกเอนทรีก่อนๆ เรื่อง เอสพีคืออะไร จะรู้ว่าน้ำผึ้งเป็นอิมัลซิไฟเออร์ธรรมชาติตัวหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ทำไขมันและน้ำผสมกัน เพิ่มอากาศในส่วนผสมเค้ก เนื้อเค้กนุ่มและไม่แห้งจากการที่โครงสร้างของเค้กเก็บน้ำไว้ได้มากขึ้น ใครสงสัยว่าทำได้ยังไง คลิกอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ เอาเป็นว่าน้ำผึ้งที่ใส่ไม่ได้มีไว้ให้มีรสน้ำผึ้งอย่างเดียวเนอะ แต่…อย่าเผลอใส่น้ำผึ้งเยอะกว่าสูตรนะคะ เพราะจะทำให้ cake batter เหนียว ขhนเกินไป ไม่ขึ้นฟูอีก
3. การอบ อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าการอบแบบดั้งเดิมของเค้กตัวนี้ต้องใช้พิมพ์ไม้วางรอบถาดอบอีกรอบ เหตุผลเพราะน้ำผึ้งในส่วนผสมทำให้ขนมไหม้ได้เร็วเพราะน้ำผึ้งมีจุดเดือดต่ำกว่าน้ำตาลนั่นเอง หนึ่งไม่มีพิมพ์ไม้แต่มีวิธีป้องกันขนมไหม้ก่อนสุกได้โดยการลดอุณหภูมิลง หรือใช้ aluminum foil แบบหนาห่อพิมพ์เค้กอีกชั้นก็ได้ ซึ่งหนึ่งเลือกอย่างแรกค่ะ ออกมาให้ผลดีเลย
4. เพื่อให้ขนมอร่อยนุ่ม มีความชุ่มชื้น ควรห่อด้วยพลาสติกแรปในตู้เย็นก่อนรับประทาน 1 คืนนะคะ
เอาล่ะ รู้กันขนาดนี้แล้วมาลงมือทำกันดีกว่า ^_^
Castella Cake
ดัดแปลงจาก yummyworkshop
ไข่แดง 5 ฟอง
ไข่ขาว 4 ฟอง
น้ำตาล 120 กรัม (หนึ่งใช้ 90 กรัม)
แป้งขนมปัง 100 กรัม
น้ำผึ้ง 15 กรัม + น้ำอุ่น 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลสำหรับโรยพิมพ์ 5-10 กรัม (ไม่โรยก็ได้)
**หนึ่งใช้ไข่เบอร์ 0 **
วิธีทำ
1. กรุพิมพ์ด้วยกระดาษฟอยล์แบบในรูป ปูกระดาษไขหรือพาร์ชเม้นที่ก้นพิมพ์ โรยน้ำตาลให้ทั่ว (ไม่โรยก็ได้ค่ะ แต่ใครชอบก็จัดเลย หนึ่งใช้น้ำตาลไม่ขัดสี) วอร์มเตา 160 C ไฟ บน ล่าง ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่น คนให้ผสมกันดี พักไว้
2. ไข่ขาวใส่อ่าง ตีด้วยเครื่องตีความเร็วปานกลางจนขึ้นฟองหยาบ ค่อยๆทยอยใส่น้ำตาลลงไป ตีต่อจนเมอแรงตั้งยอด “firm” ลดความเร็วเป็นความเร็วต่ำใส่ไข่แดงทีละฟอง ก่อนใส่ฟองถัดไปตีส่วนผสมให้เข้ากันก่อน
3. ร่อนแป้งลงไปในส่วนผสม ตีด้วยความเร็วต่ำแค่ให้ส่วนผสมเข้ากัน อย่าตีนานนะคะ เดี๋ยวขนมเหนียว จากนั้นใส่ส่วนผสมน้ำผึ้งลงไป ตีต่อด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากัน
3. กรองเค้กแบตเตอร์ผ่านกระชอนก่อนเทใส่พิมพ์ (หนึ่งไม่ได้กรอง) กระแทกพิมพ์ไล่อากาศ 2-3 ครั้ง อบจนขนมสุก หนึ่งอบด้วยความร้อน 150 C ไฟล่างอย่างเดียวจนขนมสุก แล้วอบไฟบนต่ออีก 5 นาทีเพื่อให้หน้าสีน้ำตาลเข้ม (อุณหภูมิแล้วแต่เตา) เมื่อเค้กสุก นำเค้กออกจากเตา กระแทกพิมพ์เค้กกับท้อปครัว 2-3 ครั้ง ป้องกันเค้กหด คว่ำเค้กบนกระดาษพาร์ชเม้นท์ หนึ่งรอจนเค้กคลายความร้อนประมาณ 10 นาที จากนั้นใช้พลาสติกแรปห่อขนมทั้งๆที่ยังอุ่นอยู่นี่แหละค่ะ นำเข้าตู้เย็น 1 คืนก่อนเสิร์ฟ
1 คืนผ่านไป พร้อมตัดเสิร์ฟแล้วแล้วค่าา เนื้อเนียนๆ แบบนี้ หน้าไหม้ไปนิดนึง ลืมเฝ้าเตา กลับมาอีกทีไหม้แล้ว >_<
เนื้อนุ่ม เด้งๆ ใครชอบกินเค้กแบบที่เนื้อนุ่มๆ หยุ่นๆได้เคี้ยวเนื้อเค้กน่าจะชอบนะคะ หนึ่งกินเพลนๆแบบนี้กับชา อร่อยๆๆๆ แต่ใครอยากกินกับครีมหรือซ้อสผลไม้ก็จัดได้เลยตามชอบค่า
เป็นขนมที่ทำได้ง่ายๆ รสชาติกินง่ายๆ ลองทำกันดูนะคะ Happy Baking ค่า ^_^
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
- October 6, 2016
- 2 Comments
- 5
- Cake
FUFY
October 6, 2016ตามมากินขนมไข่ อุอุ
adrenalinerush
October 6, 2016รับซักชิ้นไหม พร้อมน้ำผึ้งผสมมะนาว ^_^