ขนมตาล
ชอบกินขนมตาลมากๆค่ะ ถ้าเห็นขายที่ไหนจะต้องซื้อมากิน เจอเจ้าอร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้างจนหลังๆไม่ค่อยกล้าซื้อกลัวเจอเจ้าไม่อร่อย แต่ขนมตาลดอนหลายอร่อยจริงๆนะคะ ซื้อมาถุงนึงหนึ่งกินคนเดียวหมดแป้บๆ แต่วันนี้จะทำกอนเองบ้าง (เผื่อจะกินได้สะใจมากขึ้น อิอิ) จริงๆแล้วหนึ่งเคยทำขนมตาลแล้วครั้งนึง นานมาแล้วสมัยอยู่ไกลบ้าน ต่างบ้านต่างเมือง เป็นช่วงเวลาที่อยากกินอะไรต้องทำเอง ช่วงนั้นอยากกินขนมตาลมากขนาดหลับตาได้กลิ่นขนมตาลลอยมาเลย จึงรีบไปจัดหาเนื้อตาลขวดมาจากไทยทาวน์ เพิ่งเคยเห็นเนื้อตาลสำเร็จรูป อยู่เมืองไทยไม่เคยเห็นมาก่อน ได้ยินมาว่ามีขายที่พารากอนนะคะ ตอนนั้นใช้สูตรของเจ๊หลีแต่เข้าไปอ่านจากเวบของ ครัวบ้านพิมแต่ทำออกมาไม่สวยงามเท่าไหร่ ขนมไม่ฟู แต่ก็พอทำให้หายอยากได้ มารอบนี้ชักเหิมเกริมค่ะ หนึ่งยีตาลและเกรอะตาลเองเลยทีเดียว เป็นความโชคดีที่มีพี่สาวที่น่ารัก หอบหิ้วตาลสุกจัดๆมาให้จากสวน ทำให้ได้มีโอกาสได้ทำอะไรสนุกๆ หลายคนคิดว่ามันดูยาก ดูลำบาก แต่หนึ่งว่ามันสนุกดีค่ะ ^_^ ทำแล้วชอบขนมตาลมากขึ้นไปอีก รอบนี้หนึ่งใช้สูตรของ CoffeeBake ซึ่งอธิบายไว้ได้ละเอียดและชั่งตวงเป็นกรัม แต่หนึ่งลองเทียบสูตรแล้วทั้งส่วนผสมและวิธีทำคล้ายๆกับสูตรที่คุณพิมลงไว้ เพียงแต่ตวงวัดเป็นกรัมซึ่งหนึ่งถนัดกว่า พอได้เกรอะตาลเอง ใช้เนื้อตาลทำขนมมันหอมมากกกกค่ะ รอบเนื้อเนื้อขนมฟูกว่าที่ทำครั้งแรกแม้บางถ้วยหน้าจะไม่แตกก็ตาม แต่ขอบอกว่าอร่อยมากกก ไม่ได้โม้จริงๆนะ ^_^
มาดูผลงานรอบนี้ ใช้พิมพ์แบบกว้างกับแบบลึก หนึ่งสังเกตว่าแบบลึกขนมหน้าแตกดีกว่า
มาดูสูตรกันค่ะ สูตรนี้เป็นสูตรเล็กๆ เหมาะทำกินแบบเบาๆ
ขนมตาล
ดัดแปลงสูตรจาก CoffeeBake
1. เนื้อลูกตาล 60 กรัม
2. แป้งข้าจ้าว 150 กรัม
3. น้ำตาลทราย 140 กรัม
4. หัวกะทิ 270 กรัม
5. ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา*
6. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
7. มะพร้าวทึนทึกสำหรับโรย
*จากการทดลองทำพบว่า ถ้าหมักแป้งดีๆได้ที่แล้วไม่จำเป็นต้องใส่ผงฟูขนมก็ฟูและหน้าแตกได้ การใส่ผงฟูมีผลให้เนื้อขนมต่างออกไปด้วย เดี๋ยวหนึ่งมีภาพเปรียบเทียบให้ดูเนื้อขนมของทั้งสองแบบ
เนื้อตาลสำเร็จรูปที่หนึ่งใช้ครั้งแรกหน้าตาเป็นแบบนี้
แกะออกมาได้เนื้อสีแบบนี้เลย
รอบนี้หนึ่งยีและเกรอะตาลเองเลย คือหอมมากกกก และขนมก็ออกมาหอมและอร่อยกว่ามากๆ วิธีการยีตาลและเกรอะตาลมีหลายคนรีวิวไว้ หนึ่งทำตามที่คุณ CoffeeBake รีวิวไว้ คลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่ แต่หนึ่งดัดแปลงนิดหน่อยตามเครื่องไม้เครื่องมือที่มี พอได้เนื้อตาลแล้วก็ลงมือทำได้
วิธีทำ
1. น้ำตาล + หัวกะทิใส่หม้อตั้งไฟ คนจนละลาย ยกลงพักไว้ รอให้เย็น
2. เมื่อน้ำกะทิเย็นแล้ว ร่อนแป้ง 1 ครั้ง แป้งใส่อ่างผสม ใช้ปลายนิ้วยีๆเนื้อตาลกับแป้งจนได้เป็นเม็ดๆเหมือนในรูป
3. จากนั้นใช้ทัพพีเล็กตักน้ำกะทิลงมาผสมครั้งละน้อยๆ ขณะเดียวกันก็นวดแป้งไปเรื่อง พอแป้งจับตัวเป็นโดแล้วหยุดเทน้ำกะทิ หันมานวดแป้ง นวดๆๆๆๆ ประมาณ 30 นาทีจนแป้งเนื้อเนียน (ถ้าระหว่างนวดรู้สึกว่าแป้งแห้งเทน้ำกะทิลงมาน้อยๆได้) เมื่อนวดจนแป้งได้ที่ ค่อยๆรินน้ำกะทิที่เหลือลงมา โดยที่นวดไปด้วย อย่าเทรวดเดียวนะคะเพราะจพทำให้แป้งละลายยาก สุดท้ายจะได้ส่วนผสมเหลวๆ เนียนๆ หนึ่งกรองผ่านตะแกรง 1 ครั้ง
4. จากนั้นใช้ผ้าขาวหรือพลาสติกแรป หมักส่วนผสมอย่างน้อย 6 ชม จนส่วนผสมมีฟอง (ขนมจะได้ฟูสวยงาม) รอบแรกที่ทำไปหนึ่งหมักแป้งไม่นานพอ นึ่งแล้วเนื้อขนมแน่นๆ แนะนำให้หมักจนเห็นฟองแบบในรูปดีกว่า
เมื่อหมักแป้งได้ที่เตรียมนึ่ง เตรียมลังถึงนึ่งถ้วยตะไลจนร้อนจัด ระหว่างรอถ้วยตะไลร้อน ใครที่อยากใส่ผงฟูให้ร่อนผงฟูลงไปในส่วนผสมของแป้งใช้ตะกร้อมือตะล่อมส่วนผสมจนเข้ากัน
เทใส่ภาชนะเตรียมหยอด
5.หยอดส่วนผสมของขนมลงไปจนปริ่มปากถ้วย นึ่งไฟแรงจัดๆประมาณ 15 นาที
ออกมาแล้ว บางถ้วยหน้าไม่แตกด้วยอ่ะ เป็นเพราะหนึ่งขนมไม่ปริ่มปากถ้วยนั่นเอง ทำรอบสองแก้ตัวใหม่ ขนมฟูหน้าแตกขึ้นมาแม้จะไม่ได้ใส่ผงฟู
นำมะพร้าวทึนทึกที่ขูดผสมเกลือนิดหน่อยแล้วเอามาโรย หนึ่งนึ่งมะพร้าวก่อนจะได้ไม่เสียเร็ว โรยเกลือนิดนึงให้มีรสเค็มปะแล่มๆ
ทำรอบแรกใส่ผงฟูดูเนื้อนะคะ มีฟองอากาศเยอะเลย เนื้อค่อนไปทางรวนแต่อร่อยมากกกกกก หอมมากๆค่ะ
ทำรอบที่สองไม่ใส่ผงฟู หมักแป้งจนเห็นฟองแล้วหยอด ขนมขึ้นฟู หน้าแตกสวยงาม แต่เนื้อขนมจะแน่นขึ้น หนึ่งว่ารอบนี้เนื้อขนมลงตัวกว่า
ลองเทียบกับทำรอบแรกเลย สูตรเดียวกัน ใส่ผงฟู แต่หมักแป้งไม่นานพอ เนื้อขนมแน่นมาก
จากที่ทดลองค้นพบว่า เคล็ดลับความอร่อยคือ
1. ขั้นตอนนวดแป้งสำคัญมาก ทำให้ขนมนุ่มอร่อย ดังนั้นอย่าขี้เกียจนวดนะคะ
2. หมักแป้งให้ได้ที่ก่อนนึ่ง สังเกตจากฟองอากาศในส่วนผสม แต่อย่าหมักนานเกินไปนะคะ เพราะขนมจะมีรสเปรี้ยวไม่อร่อย ฟองอากาศจากการหมักจะช่วยให้ขนมฟูขึ้นโดยไม่ต้องใช้ผงฟู
3. ถ้าอยากให้ขนมหน้าแตก อบด้วยไฟแรงที่สุด ถ้านึ่งด้วยถ้วยตะไลต้องนึ่งถ้วยให้ร้อนจัดก่อนหยดและหยอดขนมให้ปริ่มถ้วย ปิดฝานึ่งประมาณ ระหว่างนี้ห้ามแง้มฝา
เป็นขนมที่ต้องใช้เวลาในการทำ แต่หนึ่งไม่ถือว่าลำบากเพราะชอบกินค่ะ มีเนื้อตาลเหลืออีกเยอะ หนึ่งคงได้ทำกินบ่อยๆจนเบื่อกันไปข้างนึงเลยล่ะ 😉
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
- July 6, 2015
- 1 Comment
- 3
- Thai dessert
FUFY
April 16, 2016ตามมากิน อิออ