The Never Ending Summer
หนึ่งเป็นคนชอบทานอาหารไทยมาก เป็นอาหารอันดับ 1 ในดวงใจเลย ยิ่งถ้าเป็นอาหารโบราณหรืออาหารที่หากินยากๆยิ่งชอบ อาหารไทยมีรสชาติที่ลึก ครบรส ไม่ว่าจะกินอาหารอะไร ประเทศไหนมาแต่ในความรู้สึกหนึ่งอาหารไทยอร่อยที่สุดในโลกค่ะ วันนี้หนึ่งจะพาไปชิมอาหารไทยๆ ที่”The Never ending Summer” ชื่อร้านที่ใช้ภาษาอังกฤษ แต่มีเมนูอาหารโบราณตำหรับชาววัง เมนูอาหารไทยแปลกที่ไม่คุ้นหูคุ้นตา การตกแต่งร้านและการนำเสนออาหารน่าสนใจด้วย รสชาติอาหารจะอร่อยแค่ไหน ตามมาชิมกันค่ะ
ก่อนอื่นมารู้จักที่มาที่ไปของร้านนี้ก่อนนะคะ The Never Ending Summer เป็นร้านอาหารที่อยู่ใน The Jam Factory ซึ่งเหมือนเป็นโครงการเล็กๆ พื้นที่ประมาณ 4 ไร่โดยภายในมีทั้งร้านอาหาร ร้านขายหนังสือ ร้านกาแฟ ร้านขายเฟอร์นิเจอร์และแกลอรีงานศิลปะ เจ้าของคือสถาปนิกชื่อดังของเมืองไทย คุณด้วง ดวงฤทธิ์ บุนนาค และเพื่อนๆ อ่านความเป็นมาแล้วน่าสนใจมากค่ะ เพราะจริงๆคุณด้วงต้องการขยายออฟฟิสและมองหาที่ที่ค่อนข้างสงบแต่มีชีวิตชีวาและได้มาเจอสถานที่ปัจจุบันซึ่งเป็นโกดังเก่าอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและตลาดคลองสาน ตรงความต้องการพอดี คุณด้วงและเพื่อนๆได้ชุบชีวิตโกดังเก่าซึ่งมีทั้งหมด 4 โกดังเป็นออฟฟิสของบริษัท ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ anyroom, ร้านหนังสือก็องดิด ร้านกาแฟ แกลอรีงานศิลปะและอาหารคือ The Never Ending Summer นั่นเอง
สำหรับตัวร้านอาหารได้คุณ “นรี บุณยเกียรติ” เป็นผู้จัดการร้าน เดิมทีตั้งใจจะให้เป็นโรงอาหารของออฟฟิส ไปๆมาๆกลายเป็นร้านอาหารที่เปิดรับแขกทั่วไป เมนูอาหารในร้านเป็นอาหารไทยที่ทั้งคุณด้วงและคุณนรีคุ้นเคย หนึ่งเคยอ่านเจอว่าอาหารไทยบางเมนูเป็นอาหารโบราณที่ได้รับการถ่ายทอดจากคนเก่าแก่ที่เคยทำอาหารในวัง (คุณยายอาภรณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) เมนูอาหารร้านนี้จึงถือว่าไทยแท้ ไทยโบราณที่ถูกนำมาตีความใหม่โดยคนรุ่นใหม่ หนึ่งว่าน่าสนใจนะคะ
เอาล่ะ รู้จักกันมาพอประมาณ มาชิมอาหารร้านนี้กัน สมาชิกทั้งหมดมี 5 คน มาทานกันมื้อเที่ยง ทานเสร็จเดินชมแกลอรีและร้านขายเฟอร์นิเจอร์พอตกเย็นมีตลาดเล็กๆและวงดนตรีด้วย ถือว่าคุ้มค่ะ ^_^
ตัวร้านเป็นโกดังขนาดใหญ่อยู่ด้านในของโครงการ มีประตูทางเข้าเป็นกระจก โกดังดูทึบๆ แต่พอเดินผ่านประตูเข้ามาได้อารมณ์อีกแบบเลยล่ะ ด้านในดูโล่ง โปร่งและสว่างมาก เพดานที่สูงแม้เปลือยคาน หลังคาใช้วัสดุโปร่งแสงช่วงด้านในตลอดแนวทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ภายในร้านและไม่อึดอัดแม้จะไม่มีหน้าต่าง การตกแต่งแบบรัสติก (rustic style – ตกแต่งเรียบง่าย ดิบแท้และเน้นธรรมชาติ)เข้ากับตัวอาคารเก่ามาก การจัดโต๊ะดูแล้วให้ความรู้สึกคล้ายโรงอาหารนะคะ แต่เป็นโรงอาหารที่มีดีไซน์ ^_^ ครัวของเค้าเป็นครัวเปิด เป็นกระจกใสให้เราได้ชมการทำงานของเชฟและผู้ช่วย (ซึ่งมีหลายคนมาก) เพลินๆตาขณะรออาหาร
ด้านหน้าร้านกับกระจกบานเดียวที่มี เรียบง่ายแบบนี้เลย
ด้านในสุดของร้านคือครัวซึ่งเป็นกระจกสามารถมองเข้าไปเห็นการทำงานของเชฟและผู้ช่วยได้เลย
ผนังด้านที่เป็นปูนเปลือย คือชอบค่ะ ^_^
มาทานอาหารร้านนี้แนะนำให้โทรจองล่วงหน้าก่อนนะคะ เรามามื้อเที่ยงช่วงแรกๆยังพอมีโต๊ะว่าง สักพักเกือบเต็มทุกโต๊ะ
สั่งอาหารกันค่ะ เมนูอาหารมีเยอะมากๆ อยากลองหลายเมนูมากๆ มีเมนูแปลกตาหลายเมนู แต่สุดท้ายเราสั่งอาหารไป 6 เมนูโดยให้แต่ละคนสั่งคนละเมนูและเอาเมนูกลางเพิ่มอีก 1 เมนู อาหารที่เราสั่งคือ ไข่เจียวดอกขจร แกงรัญจวน หมี่กะทิ ยำถั่วพู แกงมัสมั่นและเนื้อย่างจิ้มแจ่ว (ไปกัน 5 คน 6 เมนู n+1 ตามสูตรเลยค่ะ)
มาดูน้ำดื่มก่อน ร้านอาหารไทยก็ต้องมีเครื่องดื่มแบบไทยๆเนอะ น้ำมะตูม แก้วนี้ของหนึ่งค่ะ รสชาติดีมากกกก ไม่หวานมาก หอมมะตูมและมีกลิ่นขิงเบาๆ คือชอบจนอยากต้มเองที่บ้าน (แต่หนึ่งไปร้านนี้รอบที่สอง สั่งมาดื่มอีกรอบ ไม่ได้รสเดิม..ซะงั้น)
อีกแก้วของเพื่อนค่ะ อัญชันมะนาวโซดา ซาบซ่าสดชื่นดี
น้ำอุทัยทิพย์ ยังจำกันได้ไหมคะ เห็นปุ้บต้องรีบสั่งเลย เหมือนเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน น้ำดื่มอุทัยทิพย์ที่สมัยเป็นนักเรียนคอซองจะได้ดื่มตอนร้องเพลงเชียร์กีฬาสี มีช่วงนึงเด็กๆกลับมาฮิตเอามาทาปาก ทาแก้มให้ดูมีเลือดฝาดด้วย ไม่ได้ดื่มน้ำรู้สึกสดชื่นๆ
อาหารจานแรก เป็น starter ที่ทางร้านจัดให้ฟรี ข้าวเกรียบทอดน้ำพริกเผา อร่อยค่ะ น้ำพริกเผารสชาติดีมากๆ น่าจะเป็นน้ำพริกเผาที่ทำเอง กินเพลินจริงๆ หยิบกันคนละแผ่นสองแผ่น
เมนูถัดมา ไข่เจียวดอกขจร ไข่เจียวกรอบๆ รสชาติดีค่ะ น่าจะใช้ไข่เป็ดเจียว กรอบเชียว แต่ไม่ได้กรอบจนเสียความเป็นไข่เจียวแบบที่เราคุ้นเคยนะ
หมี่กะทิ เป็นเมนูที่หนึ่งไม่ชอบค่ะ รสชาติไม่ถูกปากจนต้องถามเพื่อนรุ่นพี่ที่ไปด้วยกันว่าจริงๆรสมันควรเป็นแบบนี้หรือไร แต่เพื่อนอีกคนที่ไปด้วยกันบอกพอกินได้
มัสมั่นเนื้อ เมนูนี้อยากจะให้คะแนน 100/10 อร่อยมากกกกก ก ยาวๆ เครื่องแกงเค้ามีความพิเศษไปจากมัสมันที่กินทั่วไป มีความหอมอะไรบางอย่างเพิ่มเข้ามา เนื้อที่เคี่ยวจนเปื่อยเข้าเนื้อน้ำแกง คืออร่อยมากจริงๆ ปลาบปลื้ม น้ำตาไหล
ยำถั่วพู ถ้าใครชอบรสหวานน่าจะชอบ แต่ส่วนตัวไม่ปลื้มเท่าไหร่เพราะหนึ่งรู้สึกว่ารสหวานมันแหลมออกมามากไปนิดนึง
แกงรัญจวนอีกหนึ่งเมนูที่อยากยกนิ้วโป้งให้สองนิ้วเลย หนึ่งไม่เคยรู้จักอาหารเมนูนี้มาก่อน สั่งมาเพราะอยากล้อง ผู้จัดการร้านให้รายละเอียดว่าของดั้งเดิมเป็นเนื้อ แต่หราเลือกหมูเพราะมีเมนูเนื้อไปสองอย่างแล้วและเพื่อนบางคนไม่ทานเนื้อด้วย เป็นอาหารที่หน้าตาอาจจะดูไม่สวยแต่รสซ่บมากๆ มันคือน้ำพริกกะปิที่นำมาแกงกับเนื้อ รสเผ็ดร้อนถึงใจมากๆค่ะ หอมกะปิมากด้วย ทำเอาหนึ่งต้องไปค้นหาสูตรมาทำกินที่บ้านเลยล่ะ
เนื้อย่างจิ้มแจ่ว เป็นเมนูที่ราคาสูงที่สุด เนื้อย่างมาแบบ medium rare จิ้มแจ่วรสเด็ดกับผักแนมไทยๆ เมนูนี้เพื่อนข้างๆอยากลอง หนึ่งรู้สึกมันมีความ fusion นิดๆ เนื้อเค้าอร่อยใช้ได้ค่ะ แม้จะเหนียวไปนิด
จบของความมาต่อขนมหวานกัน จริงๆ อาหารคาวเรากินกันไม่หมดนะคะ ต้องห่อแกงมัสมั่นกลับบ้านด้วย แต่ก็อยากชิมขนมหวาน ท้องแน่นแค่ไหนก็รับได้ จัดไปค่ะ ตระกูลลอยแก้ว ข้าวเหนียวมะม่วง บัวลอยเผือกและไอติมมะพร้าว แต่สำหรับเมนูขนมหวานหนึ่งไม่ได้ประทับใจอะไรพิเศษนะคะ
กินเสร็จอิ่มมากกกกค่ะ การอิ่มช่วงบ่ายๆทำให้ง่วงนอนด้วยนะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ไปเดินดูของดูงานศิลปะกันต่อ เดินย่อยอาหารกันไป ทุกเสาร์ อาทิตย์สิ้นเดือนจะมีตลาด Knack Market ที่นี่เป็นตลาดนัดเก๋ๆให้เดินด้วย ส่วนตัวชอบร้านอาหารร้านนี้ ถึงแม้ว่าอาหารจะราคาสูง รสชาติถูกปากบ้างไม่ถูกบ้างปากแต่หนึ่งชอบไอเดียและการนำเสนอ การรีโนเวทอาคารเก่าทำให้รู้สึกเหมือนเป็นการเชื่อมต่ออดีตกับปัจจุบัน การนำอาหารโบราณมานำเสนอได้ใจหนึ่งไปเลยค่ะ
About The Never Ending Summer
อาหาร: ไทย เวลาเปิด-ปิด: 11:00-23:00 ทุกวัน ราคา: เฉลี่ย 7-800 บาทต่อหัว ที่อยู่ : 41/5 ถ.เจริญนคร กทม Tel: 02 861 0953 ควรโทรจองก่อนเพื่อให้มั่นใจว่ามีโต๊ะ ที่จอดรถ: มีที่จอดรถด้านหน้า แต่จอดได้ไม่น่าเกิน 20 คัน แต่มีที่จอรถจุดอื่นได้คือ 1. ที่จอดรถ ร้านอาหารยกยอ มารีน่า ฝั่งซ้ายมือ 2. ที่จอดรถ ถนนเจริญรัถ ขอบคุณภาพแปนที่และข้อมูลจาก The Jam Factory facebook: https://www.facebook.com/TheNeverEndingSummer/ **ปัจจุบันมีร้านอาหาร The Summer Project อยู่ติดกันเป็นอาหารตะวันตก |
ขอปิดท้ายด้วยส่วนอื่นๆในโครงการ The Jam Factory วันที่เราไปกันมี Knack Market ตลาดนัดช่วงเย็นและมีดนตรีด้วย ทานข้าวมื้อเที่ยงเสร็จก็เดิน
ร้านเฟอร์นิเจอร์ Anyroom อยู่โกดังด้านหน้าสุดเลย
ลานกว้างหน้าร้านหนังสือแกละร้านกาแฟ วันที่มี Knack Market จะมีดนตรีในสวนด้วย
เดินชมแกลอรี เปิดให้ชมฟรีโดยงานแสดงจะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับภาพถ่าย
เดินเล่นตลาดนัดกันค่ะ บรรยากาศชิลๆ แต่ร้อนไปนิด คือเราไปเร็วไง แทบจะไปช่วยเปิดร้าน 😉
ติดตามกิจกรรมของ The Jam Factory ได้ที่ fb เลยค่ะ https://www.facebook.com/TheJamFactoryBangkok/
***ขอบคุณภาพสวยๆจากกล้องพี่น้อยหน่าค่ะ ^_^
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***
- July 21, 2016
- 2 Comments
- 2
- eat out
FUFY
July 23, 2016ตามมาเก็บบรรยากาศ อิอิ
adrenalinerush
July 24, 2016อยากไปอีกจัง ^_^