Thai Tea Macaron Work Shop


อีกหนึ่งกิจกรรมจากโปรแกรม We Love Betagro หลังจากหลับสบายที่ ดาราเทวี ในบล็อกเอนทรีก่อน บล็อกเอนทรีนี้ขอนำเสนอกิจกรรมสนุกที่ทุกคนในกรุ้ปรออยู่นั่นคือ Thai Tea Macaron Work Shop ที่ครัวของ Dhara Dhevi Cake Shop งานนี้ เชฟ Fabrice Leblus ตำแหน่ง Director of Pastry Chef ให้เกียรติมาสาธิตพร้อมตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ macaron เลยล่ะ ตอนแรกหนึ่งคิดว่าจะไม่รีวิวเลยไม่ค่อยได้เก็บรูป แต่ตอนหลังเปลี่ยนใจเพราะคิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่อยากทำมากาฮงเองที่บ้าน หนึ่งถามเชฟมาทุกข้อสงสัยเลย เอามาบอกต่อแบบไม่หวงค่า

กรุ้ปเรามีทั้งหมด 14 คน และมีพื้นฐานเกี่ยวกับการทำเบเกอรีและการทำมากาฮงต่างกัน ช่วงแรกเชฟเลยสาธิตให้ดู ส่วนช่วงเวลาแห่งความสนุกของเราคือ ได้บีบบิสกิตมากาฮง บีบไส้และประกบคู่ขนมเอง เท่านี้ทุกคนก็สนุกกันมาก สถานที่จัดกิจกรรมจัดใน macaron factory ที่ใช้อบขนมจริงๆ ซึ่งอยู่ติดกับ Cake shop เค้านั่นเอง
 
cats1
 
สำหรับสูตรที่ทำคือ รสชาไทย โดยสูตรหนึ่งขออนุญาตจากเชฟแล้วว่าสามารถเผยแพร่ได้ แต่ก่อนไปดูสูตร หนึ่งมีข้อสังเกตสำหรับคนที่อยากทำมากาฮงสูตรนี้ที่บ้านนะคะ เพราะอาจจะมีตัวแปรบางอย่างที่อาจจะมีผลให้เมื่อทำเองที่บ้านแล้วได้ผลต่างออกไป

1. สูตรนี้เป็นสูตรกึ่งอุตสาหกรรมเพราะเป็นสูตรใหญ่มาก แต่เชฟแนะนำว่าสามารถทอนสูตรได้ เมื่อทอนสูตรให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับปริมาณวัตถุดิบในสูตร เน้นตรงอ่างตีที่จะใช้ตีไข่ขาว ต้องไม่เล็กหรือใหญ่เกินปริมาณของไข่ขาวที่จะตี เพราะมีผลต่อคุณภาพของเมอแรงค์

2. ขนมทำในครัวที่เป็นห้องปรับอากาศ

3. สูตรนี้เป็น Italian method นะคะ

4. macaron ไม่ชอบน้ำและความชื้น เชฟพยายามจำกัดปริมาณน้ำทั้งในไส้และตัวเชลล์ที่เชฟเรียกบิสกิต

5. เตาที่ใช้อบเป็นเตาอุตสาหกรรม ถาดรองอบหนักมากค่ะ เชฟใช้ถาดรองอบที่เป็นโลหะซ้อนถาด 2 อัน

มาดูสูตรกันค่า

Thai Tea Macaron

By Chef Fabrice Leblus; Director of Pastry Chef, Dhara Dhevi Hotel

สำหรับ มากาฮง 200 ชิ้น

Thai Tea Ganache

วิปปิ้งครีม 600 กรัม
ชาไทย 50 กรัม
dry butter* 50 กรัม
white chocolate** (ยี่ห้อ Belcolade) 550 กรัม
cocoa butter*** 50 กรัม
เกลือ 1 ช้อนชา

* Dry Butter คือ เนยที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่าเนยปกติ (ปกติเนยที่วางขายจะมีปริมาณไขมัน 80% และน้ำ 15% dry butter จะมีปริมาณน้ำน้อยกว่าและมีปริมาณไขมันเพิ่มขึ้น หนึ่งเห็นมีขายที่ 1 STOPBAKERY ด้วย

** Cocoa butter หรือ โกโก้บัตเตอร์คือ ไขมันพืชที่ได้จากกระบวนการแยก chocolate bean มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาวครีมหรือเหลืองซีดๆ หนึ่งเห็นมีขายที่ 1 STOPBAKERY ด้วย

*** White chocolate แม้จะมีชื่อเป็นชอกโกแลต แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ชอกโกแลต แต่เป็นส่วนผสมของ โกโก้บัตเตอร์ น้ำตาลและส่วนผสมของนม

วิธีทำ
1. ต้มครีมให้เดือด ใส่ชาลงไปคนให้ผสมกันดีแล้วปิดด้วยพลาสติกแรพทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วกรองเอาแต่ครีม ตอนนี้น้ำหนักครีมอาจจะหายไปเพราะใบชาอาจจะดูดครีม ให้เติมครีมลงไปจนได้น้ำหนัก 600 กรัมเท่าเดิม

2. ต้มครีมชาเย็นจนร้อนอีกครั้ง นำไปเทใส่อ่างผสมที่มี white chocolate และโกโก้บัตเตอร์ คนให้ส่วนผสมเข้ากันโดยคนจากกลางวันออกอก พักไว้ให้เย็นก่อนใส่เนยลงไป ใช้เครื่องปั่นมือปั่นให้เนยผสมกับครีมจนทั่ว พักในห้องในอุณหภูมิเย็น หรือปิดพลาสเตอร์แรพเก็บในตู้เย็น 1 คืนก่อนนำมาใช้
 
DSC_1792
 
For Macaron Biscuit

(1)
almond power 600 กรัม
น้ำตาลไอซิง 600 กรัม
ไข่ขาว* 220 กรัม
สีผสมอาหารสีเหลืองเลมอน 6 กรัม
สีผสมอาหารสีแดง (Bright red color) 4 กรัม

(2)
น้ำตาลทราย 600 กรัม
น้ำ 150 กรัม
ไข่ขาว 220 กรัม
egg white powder* 2 กรัม

* อ่านเพิ่มใน ถาม ตอบ ท้ายบล็อก

วิธีทำ
1. ส่วนผสมข้อ (1) ผสมกันในอ่างผสม ใช้spatula ผสมจนส่วนผสมเข้ากันดี พักไว้

2. เตรียมส่วนผสม (2) โดย น้ำตาล + น้ำ ใส่หม้อตั้งไฟ ระหว่างที่ต้มน้ำตาล ไข่ขาว + egg white powder ใส่อ่างผสมของ stand mixer ตีด้วยหัวตีตะกร้อความเร็วต่ำ ระหว่างนี้ก็กลับไปดูน้ำตาลที่ต้มไว้ ช่วงแรกใช้ช้อนคนจนน้ำตาลละลายได้ หลังจากนั้นปล่อยให้เดือดจนอุณหภูมิ 117-118 C แต่เชฟสอนวิธิการสังเกตโดยไม่ใช้ candy thermometer โดยการจุ่มส้อมลงไปในน้ำเชื่อมที่กำลังต้มอยู่แล้วยกขึ้นสูงระดับปาก จากนั้นใช้ปากเป่าลม ทำเหมือนเป่าฟองสบู่ ถ้าน้ำตาลได้ที่จะสามารถเป่าเป็นฟองบับเบิ้ลสวยๆ เหมือนเวลาเราเล่นฟองสบู่เลยค่ะ เสียดายตอนที่เชฟทำจับกล้องไม่ทัน

3. เมื่อน้ำตาลได้ที่ เพิ่มความเร็วของการตีไข่ขาวเป็นปานกลาง ยกหม้อน้ำตาลเทลงไปในส่วนผสมไข่ขาวที่กำลังตีอยู่จนหมด ตีไปเรื่อยๆ จนอุณหภูมิของส่วนผสมไข่และน้ำตาล (เมอแรงก์)ลดต่ำจนถึงประมาณ 50 องศา หรือทดสอบโดยใช้มือแตะที่โถ จะได้ความรู้สึกร้อนแบบทนได้ ไม่ใช่ร้อนจี๋นะคะ และไม่ใช่อุ่นเกินไป เชฟแนะนำว่าอุณหภูมิสำคัญมาก เพราะต้องการเมอแรงค์ที่ยังอุ่นพอที่จะสามารถละลายน้ำตาลในส่วนผสมที่ (1) ได้ เมื่อตีจนได้อุณหภูมิที่พอเหมาะ ปิดเครื่อง ผสมส่วนผสมในข้อ 1 กับเมอแรง เชฟใช้เครื่องผสมโดยเปลี่ยนหัวตีแบบใบพาย แบ่งส่วนผสมข้อ (1) มาใส่ในเมอแรง 4 ครั้ง กดปุ่มตีความเร็วต่ำ แค่ให้พอผสมกันก่อนหยุดเพื่อใส่ส่วนผสมของอัลมอนด์ในครั้งต่อไป อย่าเปิดเครื่องผสมนานเพราะอาจจะทำให้ส่วนผสม overmixed

โปรดสังเกตเครื่องที่ใช้ ขวามือคือเตาต้มน้ำตาลซึ่งตอนนี้ต้มน้ำตาลเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
 
cats7
 
4. เมื่อผสมส่วนผสมสองอย่างแล้ว เทส่วนผสมลงในอ่างผสม โฟลด์ส่วนผสมให้ทั่วอีกครั้งด้วย spatula โดยส่วนผสมควรจะข้นแต่ไหลลงมาช้าๆได้เมื่อยก spatula ขึ้น

5. เตรียมถาดและกระดาษรอง (เชฟใช้ parchment paper) มีเทมเพลทขนาดของขนมรองด้านล่างกระดาษรองอบอีกที บีบขนมด้วยหัวบีบเบอร์ 8

เชฟสาธิตให้ดูก่อน สังเกตมือนะคะ บีบเสร็จกระแทกถาดหนักๆเลยค่ะ โรยผงชาเย็นให้ทั่ว แล้วนำไปพักหน้าก่อนอบ
 
cats5
 
มาดูเชฟบีบใกล้ๆ ใครที่ไม่เคยบีบมากาฮงอาจจะนึกภาพไม่ออก แต่หนึ่งขอบอกว่า มือใหม่จะบีบแบบงงๆ เพราะกะยากค่ะ โปรดสังเกตวิธีจับหัวบีบของเชฟนะคะ
 
DSC_1710
 
DSC_1712
 
เชฟสาธิตให้ดูแล้ว ถึงคราวนักเรียนทั้งหลายลองบีบกันเองบ้าง สนุกกันมาก บีบกันจนเก่งไปข้างหนึ่งเพราะมีส่วนผสมให้ลองเยอะเลยค่ะ

บั้ดดี้หนึ่งเองค่ะ เธอไม่เคยทำขนมอะไรมาก่อน แต่แฮปปี้มาก วิธีการจับ ถูกต้องเลย..แต่ ดูผลงานเธอสิค่ะ อิอิ เผาเพื่อน
 
DSC_1751
 
ตาหนึ่งบ้าง หนึ่งเคยทำมากาฮงค่ะ ครูคนแรกที่สอนคือพี่ปอนด์ น้าปังปอนด์ เรื่องบีบ สบาย คิๆ โม้ แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน! ทำไมจับหัวบีบแปลกๆ ใช่ไหมคะ ใช่แล้ว หนึ่งจับแบบนี้มาตลอด ดูแปลกๆเนอะ แต่ขอกระซิบบอกว่า หนึ่งจับท่านี้มาตลอดจนติดไปแล้ว แต่สัญญา ว่าจะเปลี่ยนท่าให้ถูกต้องค่ะ อย่าเอาอย่างนะค้า
 
DSC_1722
 
โชว์ผลงานการบีบซักหน่อย ให้ทายว่าแถวไหนของบัดดี้แถวไหนของหนึ่งคะ ถึงจะจับหัวบีบผิดวิธีแต่บีบออกมา สวยงามตามท้องเรื่องอยู่นะ อิอิ
 
DSC_1753
 
กระแทกถาด ไล่ฟองอากาศและช่วยให้ขนมกระจายตัวสวยๆ ถาดหนักมากค่ะ หนึ่งถือมือเดียวไม่ได้
 
cats4
 
6. พักให้หน้าแห้ง เช็คโดยการใช้มือแตะหน้าขนม ไม่มีเนื้อขนมติดมา ในสูตรพัก 10-15 นาที ส่งอบในเตา 185 C ประมาณ 12 นาทีหรือจนสุก เมื่อขนมสุกนำขนมออกมาพักจนเย็น

เตาอบ 3 ชั้น แยกแผงควบคุม อบได้เรื่อยๆเลยค่ะ โปรดสังเกตว่าเชฟรองถาด 2 ชั้นในการอบ
 
DSC_1779
 
DSC_1755
 
DSC_1780
 
พอขนมสุกเชฟ เช็คขนมและอธิบายถึงลักษนะ macaron biscuit ที่ดี
1. เนื้อขนมฟู ไม่มีโพรงอากาศ
2. เนื้อขนมไม่เหนียวหรือติดฟัน
3. ฐานขนมที่สีเข้มไม่ต้องตกใจ เพราะเกิดจาก caramelization ของน้ำตาลที่มีปริมาณมาก
 
DSC_1790
 
DSC_1791
 
7. เตรียมประกบคู่ขนม ขั้นตอนนี้สบายค่ะ ไม่ยากเท่าการบีบตัวเชลล์

เชฟสาธิตให้ดู
 
cats2
 
จากนั้นก็เหล่านักเรียน หนึ่งและบั้ดดี้ หนึ่งก็ยังจับถุงบีบแปลกๆเช่นเคย เอิ้กกก
 
cats6
 
ประกบคู่เสร็จแล้วยังไม่ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ พร้อมกินนะคะ ขนมที่ได้ต้องบ่มไว้ประมาณ 24 ชม เพื่อให้รสชาติของไส้ซึมเข้าไปในเนื้อบิสกิตหรือเชลล์นั่นเอง

เชฟเอามากาฮงรสอื่นๆที่ได้ที่แล้วมาให้ลองชิม
 
DSC_1763
 
ดูเนื้อเขาสิคะ เป๊ะเนอะ
 
DSC_1786
 
การเก็บ macarons
– บีบไส้แล้วเก็บในภาชนะมิดชิด (airtight boxes) เก็บในช่องฟรีซได้เป็นเดือน
– ก่อนกินหรือนำไปจำหน่าย นำ macarons ที่แช่ในช่องฟรีซออกมาแช่ช่องธรรมดาก่อน 24 ชม
– ขนมที่นำออกช่องฟรีซแล้วเก็บในตู้เย็นธรรมดาได้อีกประมาณ 4 วัน หลังจากนี้จะไม่อร่อยแล้ว อาจจะแห้ง หรือแฉะไป
– หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วให้กับขนม เช่น การนำขนมออกจากช่องฟรีซมาที่อุณหภูมิห้อง (ที่ไม่ได้เปิดแอร์)ทันที
 
cats3
 
เป็นกิจกรรมที่สนุกจริงๆค่ะ จบคลาสด้วยรอยยิ้ม เก็บภาพสวยๆกับเชฟ ขอบคุณกิจกรรมดีๆจากเบทาโกรนะคะ ^_^

ถามตอบเชฟ เป็นคำถามที่หนึ่งสงสัย ถามเชฟ และเชฟตอบมาค่ะ รวบรวมไว้เผื่อมีประโยชน์

* ทำไมต้องใส่โกโก้บัตเตอร์เพิ่มในการทำ white chocolate ganache
เพื่อให้ได้ส่วนผสมที่ข้นมากขึ้น โดยที่รสไม่หวานเกินไป

* ทำไม่ต้องใช้ dry butter ใช้ เนยธรรมดาแทนได้หรือไม่
ต้องการควบคุมความชื้นและปริมาณน้ำในขนมและไส้ dry butter มีส่วนผสมของน้ำน้อยกว่าเนยปกติ ถ้าใช้เนยทั่วไป ผลที่ได้จะออกมาต่างกัน

* ทำไมไม่ใส่เนยตอนส่วนผสมยังร้อน
เพราะความร้อนจะทำให้เนยละลาย และส่วนผสมแยกชั้นกัน

สำหรับ macaron biscuit

* ทำไมถึงใช้ Italian Meringue Method

เพราะได้ส่วนผสมที่คงตัวมากกว่า การต้มน้ำตาลทำให้มีน้ำระเหยออกไป ปริมาณน้ำที่มากเกินไปไม่เป็นนผลดีต่อขนม

* จำเป็นต้องใช้ egg white powder หรือไม่

egg white powder คือ ไข่ขาวที่แยกเอาส่วนที่เป็นน้ำออก จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ แต่ถ้าใช้จะช่วยลดความชื้นให้ไข่ขาว

* ถ้าไม่ใช้ egg white powder ไข่ขาวที่ใช้ ควรเป็นไข่ขาวเก่าหรือไม่ และควรอายุกี่วัน
ใช่ ใช้ไข่ขาวเก่าดีกว่า และเก่าประมาณ 2-3 วัน

* การตีเมอแรงค์ จำเป็นต้องสังเกตยอดไข่ขาว(peak)หรือไม่
การดูยอด (peak) ของเมอแรงค์ ไม่สำคัญเท่าอุณหภูมิ เพราะต้องการให้ได้เมอแรงค์ที่มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 50 C เพื่อให้สามารถละลายน้ำตาลที่ผสมใน almond powder ถ้าเมอแรงค์เย็นเกินไปไม่เป็นผลดีต่อขนม

* ทำไมต้องซ้อนถาดตอนอบ
เพื่อลดความร้อนต่อฐานขนม

เกี่ยวกับ Chef Fabrice Leblus

เป็นชาวเบลเยี่ยม มีประสบการณ์ด้านขนมหวานและเพสทรียาวนานและร่วมงานกับโรงแรมที่มีชื่อเสียงหลายแห่งทั่วโลก เชฟย้ายจากเชอราตันคูเวต มาประจำที่ดาราเทวีในปี 2004 ปัจจุบันเป็น Director of Pastry Chef ของดาราเทวี


 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***

adrenalinerush
About me

Deeply in love with traveling, cooking and baking. Also love to write and like to share. Join me in traveling and kitchen adventures!

YOU MIGHT ALSO LIKE

ดาราเทวี
ดาราเทวี
November 17, 2015

3 Comments

ทิวเขา
Reply November 20, 2015

น่าสนุกมากๆเลยค่ะคุณหนึ่ง ทิวเขาชอบทานมาการองของดาราเทวีมากๆเลย (แต่ทำไม่ได้ค่ะ แป่ว55) แอบอ่านบล็อกคุณหนึ่งทั้งในbloggangและที่นี่มานานละ สูตรบราวนี่ชาเขียวอร่อยมากๆเลยนะคะ ขอบคุณที่เอาสูตรดีๆมาแบ่งปันกันค่ะ

    adrenalinerush
    Reply November 24, 2015

    สนุกมากค่ะคุณทิวเขา ได้ความรู้ด้วยชอบๆ
    ขอบคุณที่ติดตามนะค้า

FUFY
Reply June 15, 2016

ฟูฟี่เข้าครัวที่ไม่ใช่มาม่าเป็นครั้งแรก อิอิ

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Leave a Reply to ทิวเขา Cancel