My Home Makeover


My Home Makeover-เปลี่ยนโฉมบ้าน(คอนโด)เก่าให้ไฉไล

เข้ามาอัพเดทบล็อกเป็นครั้งแรกของปี แอบตกใจว่าไม่ได้เข้ามาอัพเดทบล็อกเป็นเดือนเลยเรา >_< ช่วงที่ผ่านมาหนึ่งยุ่งๆเรื่องการย้ายบ้านซึ่งขอบอกว่ามันกินพลังงานทั้งด้านความคิดและกำลังกายจริงๆ เหตุเพราะหนึ่งมีสมบัติบ้าเยอะเกินไป ทั้งเสื้อผ้า ถ้วยชาม รองเท้า ฯลฯ ซึ่งมันมากมาย ตอนนี้พอที่จะเข้าที่เข้าทางบ้างแล้วเลยถือโอกาสมาเขียนบล็อกเรื่องบ้านของตัวเองเสียเลย ถือเป็นการฉลองบล็อกเอ็นทรีของปีด้วย 😉“บ้าน” ที่หนึ่งพูดถึงเป็นคอนโดมิเนียมพื้นที่ขนาด 127 ตรม แต่หนึ่งเรียกว่า”บ้าน” เพราะหนึ่งอยู่เป็นบ้านจริงๆ ไม่ได้มีบ้านสำรองหลังอื่น การทำบ้านหลังนี้เป็น“จุดเปลี่ยน” ที่สำคัญมากจุดหนึ่งของชีตเลยก็ว่าได้ทั้งยังมีเรื่องราวสตอรีมากมายจนอยากเขียนบันทึกไว้ ถือเป็นการแชร์ประสบการณ์เผื่อใครกำลังตัดสินใจหรือกำลังทำบ้านใหม่เหมือนกันนะคะ

ก่อนไปชมบ้านหลังใหม่ ขออารัมภบทถึงที่อยูเก่าก่อนนิดนึง เดิมหนึ่งอยู่คอนโดพื้นที่ขนาด 60 ตรม ตอนที่ซื้อคอนโด (เมื่อ 10 ปีที่แล้ว) หนึ่งหิ้วกระเป๋าแค่สองใบเข้ามา แต่เมื่อเวลาผ่านไปทั้งสมบัติ(บ้า) และสมาชิกก็เพิ่มขึ้น บวกกับ life style ที่เปลี่ยนไป ชอบทำอาหารและขนมทำให้ห้องขนาด 60 ตรม กลายสภาพไปเป็นรังหนูได้! ในที่สุดเราสองคนและแมว 1 ตัวก็มองหน้ากัน…คงถึงเวลาที่ต้อง “เปลี่ยนแปลง” แล้ว แต่จะเปลี่ยนด้วยออพชันไหนดี ขอบอกว่าเราคิดมาหมดแล้ว

1. รีโนเวทห้องเดิม เป็นอะไรที่ดูน่าจะง่ายสุด(หรือเปล่า)เพราะห้องก็มีอยู่แล้ว ได้ดีไซเนอร์เก่งมาน่าจะทำให้ห้องดูดีขึ้นได้แหละ ที่สำคัญน่าจะใช้งบไม่สูงมาก คิดได้ดังนั้นหนึ่งก็บึ่งไปปรึกษาเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นดีไซเนอร์ พี่เค้าก็มาดูห้องให้ หลังจากเห็นสภาพห้อง + กับคุยๆเรื่อง life style พี่เค้าก็แนะนำว่าห้องเดิมถ้าจะรีโนเวทก็ทำได้ แต่ถ้ามีพื้นที่เพิ่มจะอยู่สบายมากขึ้นนะเพราะตอนนี้ก็อยู่เบียดๆกัน ซึ่งก็จริงค่ะ เลยพับโครงการรีโนเวทเดิมห้องแล้วไปหาออพชันที่ 2

2. ซื้อบ้าน พอคิดว่าต้องการเพิ่มพื้นที่ “บ้าน” น่าจะตอบโจทย์ได้มากที่สุด การตามล่าหาบ้านก็เริ่มต้นขึ้น หาทุกอย่างตั้งแต่บ้านสร้างใหม่ บ้านเก่า บ้านหลุดจำนำ ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว วันไหนว่างขับรถดูบ้านตามโครงการณ์ต่างๆ เพื่อนๆที่รู้ว่ากำลังหาบ้านก็ช่วยแนะนำให้ ส่วนใหญ่เพื่อนจะแนะนำทำเลที่ตัวเองอยู่ หนึ่งก็ไปดูมาทุกทำเล แต่ไม่เคยชอบที่ไหนเลย ดูบ้านเก่าก็ไม่เวิร์คเพราะผังบ้านยังไม่ใช่ ถ้าซื้อต้องทำอะไรเพิ่มอีกมากมาย บ้านใหม่ทำเลก็ไกล เดินทางต้องใช้ทางด่วน (เหมือนกับหลังอื่นๆในหมู่บ้านเดียวกันและหลังอื่นๆๆๆที่อยู่หมู่บ้านละแวกเดียวกัน) ชีวิตคงต้องปรับเยอะมากเพราะเราเคยอยู่ในเมือง อีกอย่างผังบ้านใหม่เองก็ไม่ค่อยถูกใจ ที่ถูกใจบริบทอื่นๆก็ยังไม่โอเค หลังจากเพียรหาบ้านนานร่วมปีแต่ก็ยังไม่โดน เอ… หรือเราจะซื้อที่แล้วสร้างบ้านเอง

3. ซื้อที่สร้างบ้านเอง เกิดจากการที่ไปดูบ้านมาหลายที่จนเหนื่อยแต่ยังไม่ถูกใจเสียที เลยมานั่งคิดว่าปลูกบ้านเองเลยดีกว่ามั้ย ได้อย่างที่ต้องการแน่ๆ แต่ก่อนอื่นต้องหา”ที่”ก่อน ทำเลที่เราหาก็ไม่ธรรมดานะคะต้องอยู่ในเมืองหน่อย เดินทางสะดวกและอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และราคาไม่สูงมากด้วย ฟังดูเป็นทำเลในฝัน และคงต้องฝันต่อไปเพราะทำเลแบบนี้ใครๆก็อยากได้ หายากยิ่งกว่าเพชรถ้ามีก็แพงมาก ในที่สุดก็ต้องทำใจปล่อยวางข้อนี้ไป

4. ซื้อคอนโดที่ใหญ่ขึ้น แม้จะผิดหวังจากข้อ 2 และข้อ 3 เรายังไม่ละความพยายาม กลับมาคิดว่าหรือเราจะอยู่คอนโดต่อไปแต่หาพื้นที่ใหญ่ขึ้น หลังจากนั้นการหาคอนโดก็เริ่มต้น ด้วยความที่เราหาพื้นที่ที่มากขึ้น อย่างน้อย 100 ตรม คอนโดใหม่ๆไม่ต้องพูดถึงเพราะราคาไปถึงไหนต่อไหน สู้ไม่ไหวแล้วและคอนโดใหม่ๆที่ขึ้นมามีบางแห่งเท่านั้นที่ทำห้องพื้นที่ใหญ่ คอนโดที่เราหาจึงเป็นคอนโดเก่าโดยเริ่มหาแถวที่เคยอยู่ (เพราะคุ้นเคย) หาไปเรื่อยๆ จนเริ่มเหนื่อย (อีกแล้ว) ก็ยังไม่เจอที่ถูกใจ ห้องเล็กไปบ้าง อยู่ลึกเกินไปบ้าง ไม่มีที่จอดรถบ้าง สุดท้ายเกือบถอดใจกลับมาอยู่ห้องเดิมเล็กๆ (ก็ได้) คนอื่นเค้าอยู่ได้เราก็ต้องอยู่ได้สิ แต่แล้วเหมือนเป็นโชคชะตาฟ้ากำหนดไว้ อิอิ ห้องในคอนโดที่อยู่ปัจจุบันที่เคยถามๆไว้อยากขายพร้อม(ไล่)ผู้เช่า เราหูผึ่ง (เพื่อนบ้านคนอื่นๆก็เช่นกัน) ถึงขนาดมีการเสนอราคาแข่งขัน แต่ในที่สุดเราก็เป็นคนที่ผู้ขายเลือก แต่ยังไม่จบค่ะเพราะต้องรอให้ผู้ขายจัดการกับผู้เช่าที่ค้างค่าเช่าร่วมปี แบบว่าไม่มี ไม่จ่าย แต่ไม่ย้ายออก เห็นว่าทำทุกอย่าง ทั้งตัดน้ำ ตัดไฟ แจ้งความ สาระพัดในที่สุดก็เคลียร์เรียบร้อยใช้แต่ก็เวลาพอสมควร

สรุปเราตกลงใจซื้อคอนโดพื้นที่ใหญ่ขึ้นในคอนโดเิมนั่นเอง หลังจากที่ผู้เช่าเก่าที่ไม่ยอมออกเสียทีย้ายออกไป เราตื่นเต้นมากที่ได้ห้องใหม่ จบสิ้นเสียที “มองหา” และ “ค้นหา” แต่พอเข้าไปดูสภาพห้องก็ทำเอาหงายเงิบไปเลย พื้นห้องบางห้องกระดำกระด่าง พื้นห้องครัวน้ำแฉะ เปียกจนพื้นยวบ (สงสัยอยู่ว่าใช้ยังไงให้พื้นครัวเปียกขนาดนั้น) ห้องนอนบางห้องน้ำแอร์ไหลรั่วจนราขึ้น ไม่รวมผังห้องที่ซอกหลืบอึดอัดเป็นที่สุด เห็นสภาพห้องแล้วปวดตับ วิ่งกลับไปปรึกษาดีไซเนอร์เจ้าเดิม พี่เค้าก็เข้ามาดูไซท์พร้อมกับให้กำลังใจว่า “พอปรับได้ค่ะ ผังห้องอาจจะดูแปลกหน่อยแต่อย่างน้อยเรามีพื้นที่มากขึ้นและมีเพดานห้องที่สูงกว่าห้องอื่นๆ นับว่าเป็นข้อได้เปรียบ” ฟังแล้วใจชื้นขึ้นมหน่อย เนื่องจากคอนโดนี้ชั้นบนสุดหลังคาจะสูงและ slope ขึ้นเหมือนหลังคาของเพิงหมาแหงน เราเลยได้เพดานสูงตั้งแต่ 2.9-4.0 เมตรเลยทีเดียว

สิริรวมระยะเวลาตั้งข้อ 1 ถึงข้อ 4 ประมาณ 1 ปี ในที่สุดเราก็ได้บ้าน (เสียที) หนึ่งตัดสินใจให้ดีไซเนอร์มาช่วยแบบไม่ต้องคิดมาก จริงๆจะพูดให้ถูกคือ ห้องใหม่ถ้าซื้อต้องให้ดีไซเนอร์มาช่วยทำห้องให้ถึงจะถูก เหตุผลหลักๆคือ

1. หนึ่งต้องการผู้เชี่ยวชาญช่วยปรับฟังก์ชันของห้องต่างๆให้ตรงกับ life styleและดูสวยงามกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเราซื้อแต่ทำเลจริงๆ สภาพห้องไม่สามารถอยู่ไม่ได้
2. หนึ่งไม่อยากติดต่องานโดยตรงกับผู้รับเหมาเพราะเราไม่มีความรู้ใดๆทั้งสิ้นเรื่องนี้ และที่สำคัญไม่อยากเจอปัญหาผู้รับเหมาโกงอย่างที่เพื่อนๆที่ทำบ้านเจอมาก่อน
3. เราต้องการ project manager ช่วยคุมงานและช่วยประสานงานระหว่างเรากับผู้รับเหมาและช่วยควบคุมการทำบ้านให้เป็นไปตามแบบที่ดีไซเนอร์เขียนและตามระยะเวลาและงบที่กำหนด

เป็นครั้งแรกที่หนึ่งทำบ้านโดยมีดีไซเนอร์ แอบกลัวเหมือนกับทุกคนคือกลัวว่าจะ “แพง”เราจะจ่ายไหวไหม คุยกับเพื่อนที่ทำบ้านทั้งแบบบู๊ทำเองเลยกับแบบจ้างดีไซเนอร์ ทุกคนต่างปวดร้าวในปัญหาต่างๆกันไปก่อนจะได้บ้านมา แต่หลังจากบวกลบคูณหารงบและประเมินปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าต้องทำเองแล้วขอเลือกที่จะมีดีไซเนอร์มาช่วยดีกว่า ตัดปัญหา เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย นับว่าเป็นความโชคดีของหนึ่งที่มีเพื่อน(รุ่นพี่)เป็นดีไซเนอร์(มือฉมัง)เลยขอร้องให้พี่เค้ามาช่วยทำบ้านให้ แต่กระนั้นต้องรอเกือบครึ่งปีเพราะพี่เค้าติดโปรเจคอื่นอยู่ และแม้ว่าจะเป็นเพื่อนกัน แต่การทำงานนั้นก็ทำแบบมืออาชีพนะคะ คุยกันแบบเปิดเผยทุกอย่าง อยากได้แบบไหน ชอบหรือไม่ชอบอะไร รวมทั้งงบประมาณที่ตั้งไว้ด้วย ดีไซเนอร์เราทำหน้าที่ได้ดีพร้อม เป็นทุกอย่างทั้งที่ปรึกษา ออกแบบบ้าน ควบคุมการสร้าง ให้ความรู้ แก้ปัญหาให้ทุกอย่างจนกระทั่งได้บ้านสวยๆออกมา เป็นการทำบ้านที่เราชิลมากๆ ถามว่ามีปัญหาระหว่างทางไหม มีค่ะ บางอย่างที่ควบคุมไม่ได้ เช่น หลังคารั่ว ต้องรอคอนโดมาซ่อม งานที่ล่าช้ากว่าที่กำหนด แต่ก็ผ่านมาได้ นับๆดูเวลาตั้งแต่เริ่มดูบ้านจนทำบ้านเสร็จ 3 ปี เป็นการเดินทางที่ยาวนานแต่เมื่อเสร็จแล้วแฮ้ปปี้มาก หลังจากทำบ้านครั้งนี้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ซึ่งหนึ่งจะสรุปไว้ตอนท้ายอีกครั้งนะคะ

หลังอ่านเรื่องราวอันยาวนานไปแล้ว มาดูเกิดอะไรขึ้นกับบ้านหลังนี้บ้าง มีภาพ before มาเทียบกับ after ให้เห็นกันชัดๆ ว่ามาไกลแค่ไหน ดูรูปเปรียบเทียบยังตกใจ (ว่าเราก็กล้าซื้อบ้านสภาพนี้มาเนอะ) แต่ก็มั่นใจว่า interior designer จะช่วยเราได้ 😉 ห้องที่ซื้อมาเป็นห้องชั้นบนสุด (ชั้น 8 )และเป็นห้องมุม พื้นที่ 127 ตรม ผังเดิมมี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ทำใหม่ เป็น 1 ห้องนอน 1 ห้องทำงาน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องเก็บของ มาดูกันภาพต่อภาพเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

สภาพเดิมเปิดประตูห้องเข้ามาด้านขวามือของประตูคือห้องครัวที่ไปตั้งอยู่มุมลึกสุดของห้อง ติดกันเป็นห้องน้ำและมีทางเข้าห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องเล็ก หลังคาที่เห็น slope ขึ้นเป็นเหมือนทรงหมาแหงน เป็นห้องที่เพดานสูง (เพดาน 2.9-4.1 เมตร)

รูป after ส่วนครัวในอดีตที่อยู่ในหลืบกั้นทำเป็นห้องเก็บของ ปิดทางเข้าประตูห้องน้ำ ทำครัวใหม่ ครัวเป็นห้องที่หนึ่งเน้นมากเพราะเป็นคนชอบห้องครัวใหญ่และชอบทำอาหาร ชอบอบขนม ดีไซเนอร์ออกแบบให้จัดเต็มมาก โซนเตาบุด้วยสเตนเลสสี rose gold โดดเด่นมาก เปิดประตูเข้ามาตาจะปะทะความแวววาวและสีสวยๆของเจ้า rose gold นี้ พื้นที่ตรงกลางเป็น kithcen island ที่มีลิ้นชักใส่ของมากมาย นอกจากนี้ยังใช้เป็นโต๊ะเตรียมอาหารด้วย หลังส่วนที่เป็น rose gold คือห้องเก็บของ  ฝั่งหนึ่งของ island เป็นโซนเบเกอรี เตาอบ ไมโครเวฟ อุปกรณ์ทำขนมหนึ่งอยู่ฝั่งนี้ ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นฝั่งอาหาร แต่ละฝั่งมีอ่างล้างจานเป็นของตัวเอง หนึ่งขออ่างล้างจานขนาดใหญ่พิเศษจะได้ล้างหม้อและอุปกรณ์ได้สะใจ และขอให้มีทั้งน้ำร้อนเย็นด้วย เพราะน้ำร้อนล้างคราบไขมันง่าย ขอบอกว่าล้างจานสนุกมาก 😉

ปลายด้านนี้ของ kitchen island มีโต๊ะพับเก็บได้ขนาดย่อมสำหรับนั่งทานอาหารแบบง่ายๆใกล้ๆครัว ถ้าไม่ใช้ก็พับเก็บได้เรียบร้อยและดูสวยงาม

ครัวด้านข้าง ฝั่งอาหาร มองจากฝั่งเบเกอร์รี

ครัวฝั่งเบเกอร์รี

ครัวมองออกไปประตูทางห้องและห้องทานอาหาร

 

มาดู้ห้องต่อไป รูป before ห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ต่อเนื่องมาจากครัว มีระเบียงเล็กๆ ไว้วางแอร์คอมเพรสเซอร์

after พื้นที่ถูกแบ่งเป็นสองห้องโดยใช้ partition ทีเป็นโครงเหล็กและกระจกกั้นพื้นที่การใช้งานแต่ยังให้ความรู้สึกไม่อึดอัด พื้นที่ด้านหน้าเป็นโต๊ะอาหาร ส่วนด้านหลังเป็นมุมนั่งเล่น ตู้โชว์กระจกบานใหญ่ใกล้โต๊ะอาหารคือชั้นวางรองเท้าถูกออกแบบมาสูงจรดเพดานเพราะหนึ่งรองเท้าเยอะมากๆ ภายนอกเป็นกระจกกรุผ้าดูสวยงามและเรียบร้อย ตรงกลางระหว่างตู้รองเท้าเป็นตู้โชว์ของสะสม

ลูกศรสีแดงคือประตูทางเข้าห้องซึ่งถูกพ่นสีให้เป็นสีเดียวกับสีห้องด้วย แต่ประตูด้านนอกยังเป็นสีเดิมเพราะคอนโดไม่อนุญาตให้เปลี่ยนสีภายนอกของประตู

มาดูสภาพห้องห้องนั่งเล่นชัดๆแบบ close up ก่อนทำ

เปรียบเทียบกับหลังทำ เป็นห้องเล็กทีแต่ไม่อึดอัด แม้จะอยู่ติดกับโต๊ะอาหารแต่ยังมีความเป็นส่วนตัวเพราะมี partition กั้น ระเบียงที่ใช้วางแอร์คอมเพรสเซอร์ ดีไซเนอร์ให้ปูไม้แบบ outdoor ทำสีพื้นให้เหมือนกับพื้นไม้ในห้อง ทำให้รู้สึกว่าห้องนี้กว้างขึ้น ถ้าไม่เปิดแอร์สามารถเปิดประตูรับลมเย็นๆ ได้ เป็นสบายๆที่หนึ่งชอบมานั่งเล่นอีกมุม โซฟาเป็นของห้องเดิมที่ยกขึ้นมาแต่ไปปรับโฉมให้ไฉไลขึ้น บุเพิ่ม เปลี่ยนผ้า เพราะใช้งานมา 8 ปีแล้ว เป็นโซฟาที่หนึ่งชอบเพราะนั่งสบาย นอนก็สบาย

โต๊ะกลางที่เห็นเป็นสตูลขนาดใหญ่บึ้มที่ดีไซเนอร์เขียนแบบและสั่งทำ สามารถเก็บของได้ นอกจากนี้ยังใช้นั่ง ใช้วางเท้าเวลานอนบนโซฟา เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์

เก้าอี้หลุยส์สขอบทองตัวนี้จริงๆมีเป็นคู่ (อีกตัววางไว้ในห้องแต่งตัว) หนึ่งซื้อเพราะความชอบส่วนตัว ซื้อไว้นานมากแล้วแต่เอาไปฝากไว้บ้านพี่สาว (ไม่มีที่จะวางยังซื้อเนอะ 555) เป็นงานวินเทจจากยุโรป ไปเลือกจากโกดังเค้าเลย เห็นแล้วปิ๊งรูปทรงที่ดูสะโอดสะอง น้ำหนักเบา แต่ผ้าบุเดิมเป็นลายดอกไม้ซีดๆแบบวินเทจและเวลานั่งเก้าอี้โย้นิดๆ หนึ่งปรึกษาดีไซเนอร์ขอเอาเก้าอี้คู่นี้มาใช้ในบ้านใหม่ ดีไซเนอร์เลยเลือกผ้าบุให้ใหม่แล้วให้ผู้รับเหมาจัดการซ่อมให้ ได้เก้าอี้ตัวนี้มา ตอนเห็นหนึ่งกรี้ดมากเพราะสวยถูกใจมาก เก้าอี้สวยๆ วางในห้องนี้ทำให้ห้องดูปิ๊งและหน้าสนใจมากขึ้น

พื้นที่ระเบียงที่ปกติไม่คิดจะใช้เพราะมันไม่น่าใช้ พอมีพื้นไม้สวยๆมาวางก็อยากใช้งานขึ้นมา ^_^ พื้นไม้เป็นไม้ outdoor โดยเฉพาะ สั่งทำสีเดียวกับพื้นห้องเพื่อให้ความรู้สึกต่อเนื่องจากห้องนั่งเล่น ทำให้มุมเล็กๆดูกว้างขึ้น (ปล ตาข่ายที่เห็นคือกั้นนกพิราบ )

มาดูห้องทำงานก่อนทำ เป็นห้องที่มีประตูติดกับห้องทานอาหาร เดิมเคยเป็นห้องนอนมาสเตอร์ เป็นห้องเดียวที่มีห้องน้ำในตัว ติดกับห้องน้ำเป็นประตูบานเลื่อนเดินเข้า walk-in closet เล็กๆ ห้องนี้เป็นห้องมุมมีกระจกโดยรอบ วิวสวยมาก แต่ก็ร้อนมากเช่นกันเพราะอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ แดดส่อง สภาพเดิมแอบหน้ากลัว พื้นห้องด่างโดยไม่ทราบสาเหตุ

ห้องทำงาน after ทำผนังใหม่ปิดประตูบานเลื่อนและลดขนาดห้องน้ำลงโดยเอาอ่างอาบน้ำเก่าออก (เพื่อเอาพื้นที่ไปทำห้องซักล้าง) ได้ห้องทำงานเรียบๆ ที่มีจุดเด่นตรงเส้นสายของเฟอร์นิเจอร์ ดีไซเนอร์เลือกใช้มู่ลี่และม่านเพื่อทอนความร้อนของห้อง ส่วนตัวหนึ่งว่าตัวม่านทำให้ห้องดู soft ลงด้วย โชคดีที่ห้องนี้เพดานสูงมาก เลยช่วยเรื่องความร้อนไปได้เปราะหนึ่ง

เก้าอี้สั่งทำตามแบบของ Eames Lounge Chair เก้าอี้สุดคลาสสิคในตำนานที่หนึ่งชอบมากๆ ในที่สุดก็มีมาวางไว้ในบ้าน ^_^

 

ภาพ before ห้องน้ำในห้องทำงาน เดิมเป็น master bathroom มีทั้งอ่างอาบน้ำ(รุ่นโบราณ)และห้องอาบน้ำ

มาดู after หลังลดขนาดห้องน้ำลง เอาอ่างน้ำออกเหลือแค่ shower room ห้องน้ำนี้เป็นห้องน้ำสำหรับแขกด้วย

 

ห้องต่อไปคือห้องแต่งตัวและห้องซักล้าง พื้นที่เดิมเป็นห้องนอนที่เล็กและอึดอัด มีซอกหลืบเล็กๆ แคบๆ มีระเบียงสำหรับวางแอร์คอมเพรสเซอร์แต่ไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องออกมาเข้าห้องน้ำด้านนอกที่ติดกับครัว

หลังจากปรับพื้นที่กลายเป็น walk-in closet และห้องซักล้างด้วย(ที่ขอแบ่งพิ้นที่จากห้องน้ำในห้องทำงานมา) walk-in closet มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ 4 ตู้ความสูงจรดเพดานสูง 4 เมตร เก็บของและเสื้อผ้าแบบสะใจไปเลย ตู้เกือบทั้งหมดของห้องนี้เป็นตู้กระจก หนึ่งเลยให้ชื่อเล่นว่า”ห้องกระจก” จากห้องนอนเล็กๆแคบๆกลายเป็นห้องแต่งตัวที่ดูโอ่อ่าได้ ^_^

เก้าอี้และตู้กระจกใบนี้ซื้อเพราะชอบงานดีไซน์ล้วนๆแล้วให้ดีไซเนอร์ช่วยหาที่วางให้ การใช้งานก็แล้วแต่จะใช้ค่ะ อิอิ


มุมนี้เคยเป็น walk-in closet เก่า ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่เดียวกันหมด พื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างแคบแต่ก็สามารถทำตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ และมีคู้วางกระเป๋าฝั่งตรงข้ามได้อีก แต่การใช้กระจกทำให้ห้องดูไม่อึดอัด รูปซ้ายคือก่อนทำ ขวาคือหลังทำ

 

มาถึงห้องนอน before เดิมเคยเป็นนอนเล็กๆ ไม่มีห้องน้ำ ต้องเดินออกมาเข้าห้องน้ำข้างครัว

ห้องน้ำข้างครัว เป็นห้องน้ำที่ในผังห้องเก่าให้สองห้องนอนเล็กใช้ด้วยกันรวมทั้งแขกที่มาบ้านนี้ด้วย ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วย ขนาดไม่ใหญ่มาก

after ทุบผนังห้องน้ำเพื่อให้ห้องนอนกับห้องน้ำทำให้พื้นที่ต่อเนื่องกันโดยใช้ประตูบานเลื่อนติดกระจก stained glass กั้น ลายกระจกเขียนขึ้นเป็นพิเศษและต่อด้วยมือ ดีไซเนอร์บอกว่าเพื่อให้ห้องน้ำได้รับแสงธรรมชาติบ้างแม้จะผ่านห้องนอนเข้ามา หนึ่งขอให้ห้องนอนเรียบๆ ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในห้องนี้ ไม่ทำงานในห้องนอน ไม่ดูทีวี ไม่อ่านหนังสือ นอนอย่างเดียว แต่ห้องน้ำขอยิ่งใหญ่และสวยๆ แบบว่าชอบห้องน้ำสวย 😉

มาดูสิ่งที่เกิดขึ้น ห้องนอนและห้องแต่งตัวอยู่ติดกัน พื้นห้องนอนยกสูงขึ้นเพราะระบบงานท่อ เนื่องจากมีอ่างอาบน้ำลอยตัวในห้องน้ำมาสเตอร์ ดีไซเนอร์เลยออกแบบให้พื้นห้องน้ำสูงกว่าปกติเพื่อให้อ่างอาบน้ำระบายน้ำได้ดี พื้นห้องนอนเลยต้องยกตัวตามไปด้วย

แม้จะขอห้องนอนแบบเรียบๆแต่ก็แอบมีทีเด็ดนะคะ ด้วยความที่เพดานห้องนอนสูงถึง 4 เมตร ดีไซเนอร์ออกแบบฝ้าให้โค้งและใส่ดาวกระพริบ (fiber optic) ให้ ม่านห้องนอนเป็นม่านสองชั้นที่พอปิดแล้วจะมืดสนิท คราวนี้ได้นอนดูดาวส่วนตัวทุกวันเลยล่ะ ^_^

ดาวในส่วนของอ่างอาบน้ำก็มี นอนแช่น้ำไปดูดาวไป ^_^


จุดเด่นของบ้านนี้อีกอย่างคือ “ไฟ” หรือ lighting ที่ดีไซเนอร์ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้หลายแบบ การมีไฟหลายจุด สามารถเปิดเฉพาะจุดที่ต้องการใช้ เพราะบางครั้งเราอยากให้สว่างแค่พื้นที่บางจุด ไม่อยากเปิดไฟแล้วสว่างพรึบไปหมดหรือปิดไฟแล้วมืดไปหมด นอกจากฟังก์ชันที่เลือกได้ของไฟยังทำให้ห้องดูสวยขึ้นทันที เป็นสเน่ห์ของการออกแบบไฟจริงๆ ดูห้องน้ำรูปบนกับรูปล่างที่เปิดไฟคนละจุด ได้อารมณ์ไปคนละแบบ

ห้องน้ำบ้านนี้ดูยิ่งใหญ่สมใจหนึ่งมาก พื้นที่ใหญ่พอๆกับห้องนอน ดีไซน์สวยงามราวกับเป็นห้องน้ำโรงแรมหรูเลยทีเดียว

จุดสะดุดตาของห้องน้ำนี้อีกอย่างคือห้องอาบน้ำรูปครึ่งวงกลมที่นอกจากจะใช้พื้นที่ที่จำกัดได้ดีงามแล้ว สีและ pattern ของกระเบื้องก็ดูคุณนายและโดดเด่นมาก ตอนที่ดีไซเนอร์เลือกกระเบื้องห้องน้ำบอกว่าอันนี้เหมาะกับหนึ่งมาก ^_^

เป็นยังไงคะบ้านหนึ่ง makeover แล้วออกมาน่าตกตะลึงไหม ^_^ จริงๆยังขาดรูปห้องเก็บของและห้องซักล้างแบบเต็มๆ บ้านนี้ใครเห็นก็ชมว่าสวยมาก หลายบอกว่าไม่เหมือนคอนโด เหมือนบ้านจริงๆ เพราะพื้นที่การใช้ง่ายเหมือนบ้าน 1 หลัง (จริงๆหนึ่งคิดว่าฟังก์ชันได้เต็มที่กว่าบ้านบางหลังอีก) แต่สิ่งที่หนึ่งปลื้มที่สุดนอกจากเรื่องความสวยงามคือฟังก์ชันของแต่ละห้องรวมทั้งการใช้พื้นที่ของดีไซเนอร์ เรียกได้ว่าเก็บทุกเม็ด เด็ดทุกห้อง นอกจากจะทำออกมาสวยแล้วยังใช้งานได้ดีจริงอย่างที่เราต้องการ หนึ่งเข้าอยู่จริงได้สักพักแล้วขอบอกว่าอยู่สบายมาก ช่วงนี้ยังไปเก็บของที่ห้องเก่าเกิดการเปรียบเทียบทุกครั้ง บางครั้งเราก็ชินกับสิ่งที่เคยอยู่จนไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมีสิ่งที่ดีกว่า

กว่าจะได้บ้านสวยๆแบบนี้ ทำอะไรบ้าง

กว่าจะเห็นบ้านสวยๆแบบในรูปไม่ได้แค่ตกแต่งห้องให้ดูสวยขึ้นนะคะ จริงๆเรียกว่าทำใหม่ทั้งหมดเลยก็ได้ มีการทุบ รื้อของเก่า ปรับผังห้องใหม่ วางงานระบบสายไฟ สายโทรศัพท์ สายแลน ท่อน้ำ ท่อประปาใหม่หมด เพราะของเดิมอายุมากและถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วอีกทั้งงานระบบเดิมไม่ตอบสนองการใช้งานเราด้วย งานระบบเสร็จถึงเริ่มงานตกแต่งจริงจังซึ่งกว่าจะเสร็จมีสาระพัดช่างเข้ามา แค่รับรู้ว่ามีช่างอะไรเข้ามาตอนไหนไม่ต้องติดต่อเองหนึ่งยังมึนเลย เฟอร์นิเจอร์ที่เห็นในบ้านมีทั้งบิลด์อินและแบบลอยตัว หนึ่งเคยไม่ชอบเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินเพราะที่เคยเห็นมาทำให้ห้องดูอึดอัด แต่การทำห้องครั้งนี้ทำให้รู้ว่า บิลด์อินที่ถูกออกแบบมาอย่างดีนอกจากจะทำให้เราใช้พื้นที่ได้ดีแล้วยังดูสวยงามได้ด้วย ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งทำทั้งหมดโดยไปเลือกจากตัวจริงในโชว์รูมแล้วดีไซเนอร์ช่วยปรับขนาดให้เหมาะกับขนาดห้องที่เรามี บ้านนี้เรียกได้ว่าถูกออกแบบมาเพื่อเราโดยเฉพาะจริงๆ

ทำบ้าน “แพง” ไหม

เป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยที่สุด เวลาบอกว่า”ของแพง” อารมณ์เหมือนกับจ่ายเงินแล้วไม่คุ้มราคา แต่สำหรับหนึ่ง ทำบ้านครั้งนี้ขอใช้คำว่า“คุ้มราคา” การตั้งงบครั้งแรกหนึ่งตั้งใจ “จะทำบ้านให้ดีที่สุดในงบที่เราจ่ายไหว” ไม่ได้เซ็ทว่าจะทำบ้านให้ถูกที่สุด เพราะหนึ่งเป็นคนใช้เวลาอยู่บ้านนาน เป็นคนติดบ้านอยากอยู่บ้านสวยๆ คุ้มๆ ยาวๆ เลยยอมจ่ายมากขึ้นอีกนิด การเลือกช้อยส์ต่างๆมีดีไซเนอร์ช่วยไกด์และช่วยเลือก ดีไซเนอร์เราเลือกของแต่ละชิ้นเรียกว่าเด็ดค่ะ “ต้องซื้อ” เพราะสวยมากทุกชิ้น  ของในบ้านนี้ไม่ได้เป็นของแพงทุกชิ้น หลายชิ้นมาจากอิเกีย แต่เลือกมาดี จัดวางให้ถูกที่ก็ดูสวยขึ้นมาได้ ประกอบกับระยะเวลาในการทำที่นาน การเบิกเงินเป็นระยะเวลาที่ชัดเจนเพราะทำงานกับมืออาชีพทำให้เราสบายใจไปเยอะมากๆ

เป็นประสบการณ์การทำบ้านที่หนึ่งประทับใจเลยเอามาเล่าสู่กันฟัง แต่หนึ่งคงไม่บอกทุกคนว่าทำบ้านต้องจ้างดีไซเนอร์เท่านั้นนะคะ เพราะแต่ละคนมีปัจจัยต่างกันไป แต่อยากฝากไว้ว่า

1. การทำบ้านเพื่ออยู่เองนั้นเป็นเรื่องละเอียดและหยุมหยิมมากกว่าที่คิด ใครที่คิดจะทำเองควรศึกษารายละเอียดให้ดี เผื่อใจ เผื่อเวลาไว้ให้เยอะ เพราะทำไปแล้วอาจมีปัญหาที่เราไม่คาดคิด

2. ผู้รับเหมาที่ทำงานให้บ้านหนึ่งฝีมือดีและรับผิดชอบงานมาก เป็นรูปแบบบริษัทแต่ทำงานภายใต้การออกแบบของดีไซเนอร์เท่านั้น ราคาสูงกว่าผู้รับเหมารายย่อยโดยทั่วไป แต่ความสบายใจอยู่ที่ไม่มีเรื่องการโกง การหนีงาน การเบิกเงินเรื่อยเปื่อย

3. การจ้างดีไซเนอร์ หลายคนอาจกลัวว่าจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำบ้านสูงขึ้น แต่หนึ่งมองว่าคุ้มมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้ดีไซเนอร์ที่เก่งเพราะจะทำให้สุดท้ายเราได้อยู่บ้านแบบ happy หลายคนมองแค่ตัวเลขที่จ่ายไป แต่ลองคิดสิ่งที่เราได้กลับมาดูนะคะ ดีไซเนอร์ช่วยทำให้ความต้องการของเราสอดคล้องกับพื้นที่ที่มี ทำให้ดูสวยงามในงบที่เราจัดให้ หนึ่งมองว่าไม่ใช่งานที่ง่ายเลย ดีไซน์เนอร์ยังช่วยควบคุมทิศทางของงานให้ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่สะเปะสะปะ (จนจบไม่ลง) ดีไซเนอร์บางคน(เช่นเจ้าที่หนึ่งใช้บริการ) ยังทำหน้าที่เป็นเหมือน project manager คอยควบคุมงานให้เป็นตามแบบ เข้ามาดูงานบ่อยกว่าหนึ่งขึ้นไปดูห้องอีก อิอิ

4. เมื่อตัดสินใจจ้างดีไซเนอร์แล้วก็ต้องไว้ใจและเชื่อใจกัน คุยกันอย่างเปิดเผย ขอบเขตงานมีอะไรบ้าง คุยกันให้ชัดก่อนเริ่มงานเพราะดีไซเนอร์แต่ละคนทำงานต่างกัน ดีไซเนอร์ที่หนึ่งใช้บริการก็มีวิธีการทำงานไม่เหมือนคนอื่น ดังนั้นไม่ต้องกลัวที่จะถามนะคะ จะได้ทำงานด้วยกันอย่างมีความสุข

5. สุดท้ายที่อยากฝากไว้คือ ไม่ใช่ดีไซเนอร์ทุกคนที่ถนัดทำบ้านที่อยู่อาศัย เพราะงานทำบ้านมีรายละเอียดหยุมหยิม ต่างจากงานออกแบบร้านค้าที่เน้นหน้าตาโดดเด่น อยู่ที่ความถนัดและประสบการณ์ด้วยของดีไซเนอร์ด้วยค่ะ

เจ้าของบ้านตัวจริงบอกมาว่า บ้านหนูอยู่สบายมากๆค่า คอนเฟิร์มจากการอยู่บ้านตลอด 24 ชม ^_^

ท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทีมงาน StudioFriday สำหรับบ้านในฝันและภาพสวยๆเซ็ทนี้ทั้งหมดค่ะ

 

 

Designed, decorated and pictured by StudioFriday

***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***

adrenalinerush
About me

Deeply in love with traveling, cooking and baking. Also love to write and like to share. Join me in traveling and kitchen adventures!

1 Comments

FUFY
Reply February 2, 2018

Love. Love. Love. ^_^

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *