เมื่อต้องเดินทางโดยลำพังครั้งแรก


ลุกขึ้นมาตั้งกรุ้ปบล็อกใหม่ เพราะตั้งใจอยากบันทึกเรื่องราว วีรกรรมสุดเหวี่ยงพร้อมด้วยเบื้องหน้า เบื้องหลังการเดินทางต่างๆที่เกิดขึ้นแบบลึกๆที่ไม่ได้เขียนหรือกล่าวไว้ไว้ในบล็อกท่องเที่ยวที่เคยลงไว้…เผื่อว่าจะจะสร้างความบันเทิงใจ หรือสลดใจในบางครั้ง เรื่องราวอาจจะไม่ได้สวยหรู ดูราบรื่นแต่เป็นความมันส์ในแบบของหนึ่งเลยค่ะ

ประเดิมเรื่องแรก…เรื่องนี้เลย…เดินทางตามลำพังครั้งแรกเมื่อไหร่

ไปขุดรูปสมัยเป็นเด้กน้อยหอยสังข์มา คนที่มองกล้องคือพี่สาวหนึ่งค่ะ หนึ่งคือคนที่อยู่ริมขวามของภาพ กำลังกินอะไรนะ แซ่บเชียว อิอิ

img_2648

เคยคิดไหมคะว่าตัวเองเดินทางบ่อยแค่ไหน หมายถึงการเดินทางที่ไม่ใช่ในชีวิตประจำวัน เช่นไปเรียน หรือไปทำงาน

ตั้งแต่จำความได้ เห็นภาพตัวเองเดินทางไปนู่นไปนี่ไปนั่นตลอด เพราะคุณพ่อเป็นข้าราชการซึ่งย้ายที่ทำงานอยู่เรื่อยๆ ประกอบกับสมัยอดีตครองตำแหน่งลูกคนเล็ก เวลาคุณพ่อคุณแม่จะไปไหนจะต้องหิ้วเราไปเป็นเพื่อน และยานพาหนะที่ครอบครัวใช้ในเวลานั้นคือ… มอเตอร์ไซค์แบบมีถังน้ำมันด้านหน้า ภาพที่จำได้คือหนึ่งนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กอดเอวพ่อหรือแม่ไปนู่น นี่ นั่น และดูเหมือนการเดินทางมันได้แทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จนถึงทุกวันนี้ ช่วงไหนไม่ได้เดินทางจะรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ชีวิตดูเหี่ยวแห้งเหมือนติดกาแฟแล้วยังไม่ได้ดื่มกาแฟ..ปานนั้น

การเดินทางช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะเน้นเรื่องการท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ และแน่นอนว่าไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว มีแค่ไม่กี่ครั้งในชีวิตเท่านั้นที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว แน่นอนความรู้สึกช่างต่างกันยิ่งนัก ทำให้หนึ่งคิดเล่นๆว่าตัวเองเดินทางครั้งแรกตามลำพังเมื่อไหร่……
ให้ทายค่ะ

:
:
:

แต่นแต๊น… 8 ขวบค่ะ ใช่แล้ว 8 ขวบ ไม่ผิดแน่นอน เป็นการเดินทางที่ดูไม่น่าเชื่อและดูไม่น่ารอด

เหตุเกิดเมื่อครั้งอยู่อำเภอเล็กๆในจังหวัดของภาคอีสาน คุณย่าป่วยและนอน admit ที่รพ.เอกชนในตัวจังหวัด ส่วนคุณพ่อต้องเดินทางไปนอนเฝ้าคุณย่า จำเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมต้องเดินทางไปหาคุณพ่อที่ รพ. แต่ที่จำได้คือ แม่บอกว่าแม่ไปด้วยไม่ได้เพราะแม่ต้องเลี้ยงน้องที่เพิ่งคลอดไม่กี่เดือน

” ไม่ต้องกลัวนะ! มันง่ายมาก หนูแค่นั่งรถให้สุดสาย พอถึงให้นั่งสามล้อ บอกชื่อรพ. ไม่มีทางหลง เพราะมีรพ.เดียวในจังหวัด” คุณแม่บอกและให้กำลังใจ

เด็กน้อย 8 ขวบก็เคลิ้มตาม แม่ว่าไงก็ตามนั้นแหล่ะ

กลัวมั้ย?… ไม่กลัว เพราะแม่บอกว่าไม่ต้องกลัว
พอถึงวันเดินทาง… อาบน้ำแต่งตัวสวยสุดชีวิต หยิบชุดที่(คิดว่า)สวยเก๋ที่สุดมาใส่ ชุดนี้ไม่ใช่ชุดธรรมดาไก่กานะจ้ะ เป็นชุดที่คุณแม่ตัดให้เองและเคยใส่ออกงานใหญ่ระดับเวทีที่โรงเรียนมาแล้ว…เต้นรีวิวประกอบเพลงของวง สาว สาว สาว แต่งตัวเสร็จรู้สึกซวย เอ้ย สวยอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ  แม่ก็จูงมือไปเลย ไปรอรถที่ศาลารอรถ เนื่องจากอำเภอที่เราอยู่เป็นอำเภอเล็กที่มีรถประจำทางผ่าน ศาลารอรถจึงเป็นจุดขึ้นลงสำหรับรอรถประจำทาง พอรถเมล์วิ่งมาจอด คุณแม่ก็จับขึ้นรถ พร้อมกับฝาก(และฝัง)เด็กรถและคนขับรถทันที บอกว่า “ฝากลงจังหวัดหน่อยนะ”

จากนั้นคือเวลาประมาณเกือบ 2 ชม บนรถหวานเย็นเป็นเวลาของหนึ่ง รถประจำทางพื้นไม้ แอร์ธรรมชาติ พร้อมกับกลิ่นเครื่องยนต์ดีเซลคละคลุ้ง ​สิ่งที่มีอยู่ข้างกายหนึ่งก็คือถุงพลาสติก(เผื่ออ้วก) สิ่งที่ช่วยลดอาการเมารถคือการนั่งข้างหน้าต่าง เปิดกระจกสูง รับลมเต็มพิกัดเลย อ่อ ด้วยความที่ตัวเล็กมาก หนึ่งได้รับอภิสิทธิ์ ไม่ต้องจ่ายค่ารถประจำทางด้วยนะคะ

และแล้วรถประจำทางก็วิ่งมาถึงตัวเมือง หนึ่งเดินงงๆลงจากรถ กระเป๋ารถพยายามทำหน้าที่ที่ได้รับการฝากฝังมาโดยเรียกสามล้อให้ สมัยนั้นยังเป็นสามล้อคนถีบคันแดงๆอยู่เลย

” อีหล่า ไปไส”  “ไป รพ…จ้า”
“มาผู้เดียวบ่”   “จ้า พ่อถ่าอยู่ รพ.”

สนทนากันด้วยเสียง soundtrack เล็กน้อย จากนั้นลุงงก็ปั่นๆๆๆๆๆๆๆ ไปจนถึงรพ.
โอ..ในที่สุด…ราวกับว่าภาระกิจเราได้สิ้นสุดลง… จ่ายเงินค่าสามล้อแล้วเดินเข้าไปในรพ.แบบงงๆ ลุงสามล้อดูไม่สบายใจ เดินตามมาด้วย หนึ่งเดินไปเคาน์เตอร์หน้า รพ. น่าจะเป็นเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์หรืออะไรบางอย่างแต่แบบว่า.. งงค้า… สมองประมวลผลไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเจอพ่อกับย่ายังไง แม่ไม่ได้บอกไว้เสียด้วย แย่แล้ว
” มาทำอะไรจ้ะ”
“มาเยี่ยมคุณย่าค่ะ”
“คุณย่าชื่ออะไรจ้ะ”

……….. (เงียบ) เอ่อ….ย่ามีชื่อด้วยหรอ? ทุกทีเรียกแต่ย่า!?

“เอาชื่อพ่อแทนได้ไหมคะ พ่อหนูชื่อ…ค่ะ”

พยาบาลดูงงงันไม่แพ้กับหนึ่งเลยทีเดียว สุดท้ายลุงถีบสามล้อดูท่าไม่ค่อยดี เลยเสนอตัว บอกว่าลุงจะพาไปส่งที่ท่ารถเหมือนเดิม กลับบ้านเถอะอีนาง… (แป่ว)

ตลอดเวลาที่นั่งรถกลับบ้าน สมองน้อยๆครุ่นคิดวนเวียนอยู่อย่างเดียวว่า… ย่าชื่ออะไร?

กลับถึงบ้านตอนเย็น เห็นแม่โดนยายดุว่าปล่อยให้ลูกเดินทางคนเดียวอยู่ แม่เห็นหนึ่งกลับมาคนเดียวก็งงไม่น้อย หนึ่งเล่าให้แม่ไปว่า ไปถึง รพ. แล้ว แต่ไม่เจอพ่อกับย่า เพราะไม่รู้ว่าย่าชื่ออะไร จบข่าว

:
:
:

มาถึงตอนนั้น หนึ่งนั่งนึกถึงความทรงจำในอดีต แล้วก็คิดว่า
1) ฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาได้ แต่คนสมัยก่อนจิตใจดี (เอ หรือว่าหนึ่งโชคดีมากกว่า) จึงไม่เกิดเรื่องร้ายขึ้นแม้จะเดินทางคนเดียว
2) ด้วยวัย 8 ขวบ (เท่ากับน้องปริมหลานสาวตอนนี้) แต่บอกเลยว่า ความฉลาดและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างกันมากมาย หลานสาว 8 ขวบเคยหลงกับแม่ในห้าง (ตอน 7 ขวบ) แต่หาทางกลับไปหาแม่ได้ โดยไปขอยืมมือถือคนที่เดินไปมาแถวนั้นโทรหาแม่…หนูแน่มากน้องปริม ป้ายอมแพ้
3) นึกโกรธเคาน์เตอร์พยาบาล ทำไมไม่ถามนามสกุลแทนล่ะ จะได้หาเจอ? งุงิ

จบวีรกรรมตอนที่ 1

คุณแม่ผู้อยู่เบื้องหลังวีรกรรมครั้งนี้

img_2649

 
 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม ” share” ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***

adrenalinerush
About me

Deeply in love with traveling, cooking and baking. Also love to write and like to share. Join me in traveling and kitchen adventures!

3 Comments

F
Reply June 13, 2015

อ่านกี่ทีก็ขำเรื่องนี้ น่ารัก 555

    Dao harder
    Reply November 4, 2016

    คุณเขียนเรื่องความหลังได้น่ารักมาก

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *